“ทำสงครามครั้งสุดท้าย เพื่อคนพัทลุง พี่จะสมัครหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง แต่ขอส.ส.พัทลุง ทั้ง 3 คน 3 เขต เพื่อพัทลุง อย่าให้เลือกเพื่อให้คนนั้น คนนี้ ได้เป็นส.ส. แต่ต้องเลือกเพื่อคนรุ่นลูก รุ่นหลาน” บาวส่วน บางตอน จาก “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตส.ส.พัทลุง และอดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุกส่วนตัว ขึ้นหัวข้อว่า “I shall return (ฉันจะกลับมา)” แน่นอนว่าการขยับของ “นักการเมือง” ที่ครบเครื่องทั้งบู๊ และบุ๋น มีดีกรีเป็นถึงอดีตรัฐมนตรี อีกทั้งยังเป็น “เลือดประชาธิปัตย์” ที่อยู่แถวหน้า ทำงานกับพรรคมายาวนาน ย่อมส่งแรงสั่นสะเทือน ต่อ ประชาธิปัตย์ไม่น้อย เพราะแม้ลึกๆแล้ว ภายใต้การตัดสินใจของ นิพิฎฐ์ ไปอยู่ค่ายใหม่ เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในครั้งหน้านั้นจะมาจากปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้น กันมาพักใหญ่ ระหว่างนิพิฎฐ์ กับ กลุ่มอำนาจใหม่ ภายในพรรค จนทำให้ต่างฝ่าย ต้องต่างเดิน โดยที่นิพิฎฐ์ เลือกเป็นฝ่ายไปอยู่พรรคใหม่ และพรรคใหม่ที่นิพิฎฐ์ เลือกนั้นมีรายงานข่าวที่ชัดเจนว่า คือพรรคการเมืองที่กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาโดย กลุ่ม “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” แกนนำกลุ่มสี่กุมาร โดยมี “มือทำงาน” ข้างกายดร.สมคิด คือ อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรววงศ์ อดีตรัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจ ในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม นั่นเอง แม้ในโพสต์ของนิพิฎฐ์ จะไม่ได้บอกชัดเจนว่า บ้านใหม่ของเขาคือพรรคใด แต่มีรายงานเบื้องลึก ว่า ระหว่างนิพิฎฐ์ กับกลุ่มของดร.สมคิด นั้นไม่ใช่เพิ่งจะมาพูดคุยกันในวันสองวันที่ผ่านมา หากแต่มีการหารือกันมาพักใหญ่แล้ว โดยมีข้อเสนออยู่ที่เป้าหมายของการปลุกฟื้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ อีกไม่นาน “ความชัดเจน” จังหวัดการก้าวเดินต่อไปข้างหน้าของ นิพิฎฐ์ กับ กลุ่มของดร.สมคิด จะเริ่มปรากฏออกมาเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทั้งการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ ของกลุ่มดร.สมคิด รวมถึงการคลี่ภาพ “ยุทธศาสตร์บุกใต้” ที่คาดการณ์ว่าจะเข้มข้น ดุเดือด จนอาจทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือน ไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ “เจ้าถิ่น” และยังรวมถึง “พรรคพลังประชารัฐ” ที่หมายมั่นปั้นมือ จะลงไปกวาดส.ส.ในพื้นที่ 14 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ให้ได้มากกว่า 13 ส.ส.ใต้ จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ! ปรากฎการณ์ ย้ายพรรค ย้ายค่ายของนิพิฎฐ์ ชนิดที่ต้องเรียกว่าเป็นการ “จำใจลา” ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ รอบนี้ กำลังสะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมจัดทัพเพื่อรับมือกับการเลือกตั้ง ในรูปแบบ “บัตร 2ใบ” นั้นนอกเหนือไปจากปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ ที่หนักหนากว่าที่เห็นแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณว่า สมรภูมิการต่อสู้ใน14จังหวัดภาคใต้รอบนี้ ไม่มีใครเป็น “เจ้าของ” พื้นที่อีกแล้ว !