การเดินหน้าเก็บแต้ม ของ "ฝ่ายรัฐบาล" รุดหน้าไปอย่างต่อเนื่อง แม้สภาพแวดล้อมทางการเมือง จะเต็มไปด้วยความเข้มข้น และความขัดแย้งในภาคสนามที่พร้อมจะปะทุขึ้นมาระลอกใหม่ จากการเคลื่อนไหวของ "ม็อบราษฎร" ที่พากันขยับขบวนออกมาต่อต้าน "คำวินิจฉัย" ของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ดูเหมือนว่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตลอดจน "ผู้จัดการรัฐบาล" อย่าง "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่แสดงอาการวิตกกังวลใดๆออกมา ในทางตรงกันข้าม ทั้งนายกฯและครม. เองต่างพากันหันไปเล่นเกมรุกบนกระดานงานฝ่ายบริหารเป็นหลัก วันนี้ (15 พ.ย.64) พล.อ.ประยุทธ์ ยกคณะรัฐมนตรีลงไปตรวจราชการที่จังหวัดกระบี่ จากนั้นจะประชุมครม.สัญจร ครั้งแรกในรอบปี ในวันที่ 16 พ.ย. แล้วต่อด้วยการไปตรวจงานที่จ.ตรัง พบปะกับพี่น้องประชาชน ตามกำหนดงานที่วางเอาไว้ อีกทั้งเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถ้อยแถลงประกาศไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพ การประชุมเอเปค ปี 2565 (APEC 2022)เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ ไปยัง "ฝ่ายค้าน" ในสภาฯ และ "ฝั่งตรงข้าม" บนท้องถนน ว่ารัฐบาลจะอยู่ยาว อย่างน้อยอีก 1ปี การยกคณะรัฐมนตรี ลงไปประชุมครม.สัญจรที่ภาคใต้ในจังหวัดกระบี่และพบปะประชาชนที่จ.ตรัง รอบนี้ ด้านหนึ่งคือการประชุมนัดสำคัญ เพื่อเช็คเรทติ้ง รัฐบาล ภายหลังดำเนิน "นโยบายเปิดประเทศ" มาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผ่านไปแล้ว 15 วันนั้น กระแสตอบรับŽ เป็นอย่างไร และแม้ในอีกทางหนึ่ง ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป้อม ถูกมองว่านี่คือการยกพลลงไปสร้างแต้มต่อให้กับ "พรรคพลังประชารัฐ" ในพื้นที่ เพื่อนพ้องในรัฐบาลด้วยกันเองอย่าง "พรรคประชาธิปัตย์" แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า สถานการณ์ของรัฐบาล ในยามที่ผจญกับคลื่นลมทางการเมืองจาก พรรคฝ่ายค้าน และแนวร่วมม็อบราษฎร ไม่ว่าจะเกิดรอยร้าว มากหรือน้อย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลา ที่พรรคร่วมรัฐบาล จะเปิดศึก หันมาทะเลาะกันเอง เพราะต่างรู้ดีว่า ต้องอยู่ร่วมกันไปให้ตลอดรอดฝั่ง ยาวนานที่สุด ไม่ว่าจะครบเทอมหรือไม่ก็ตาม เพราะการอยู่ในฐานะสถานะ "ฝ่ายบริหาร" ในช่วงเข้าโค้งท้ายๆ ใกล้ครบเทอมรัฐบาล 4ปี ย่อมได้เปรียบเป็นทุนเหนือ "ฝ่ายค้าน" ที่วันนี้ทั้ง "พรรคเพื่อไทย" และ "พรรคก้าวไกล" ต่างต้องลุ้น "ชะตากรรม" ของตนเองว่า จากนี้ไปจะมีใครไปร้องให้ยุบพรรคตามมา หรือไม่ ในฐานะผู้สนับสนุน และเป็นเครือข่าย ร่วมกับ "ม็อบราษฎร" ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพิ่งมีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่า มีพฤติกรรมเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข !