นับจากวันที่ "พรรคเพื่อไทย" ได้ส่งสัญญาณ "ปรับทัพ" ปรับโฉมหน้าค่าตาของพรรคกันไปหมาดๆ เมื่อวันประชุมใหญ่ประจำปี 28 ต.ค. ที่จ.ขอนแก่นที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าบรรยากาศทางการเมือง ถูกปลุกเร้าให้เข้มข้นมากขึ้น ทั้งต่อ "ฝ่ายรัฐบาล" เองไปจนถึง "พรรคฝ่ายค้าน" ที่ต่างออกมาขยับ เคลื่อนไหวทางการเมืองในประเด็นที่ร้อนแรง เพื่อหวังช่วงชิง "ฐานเสียง" ตุนเอาไว้ก่อนลงสนามเลือกตั้ง ด้วยกันทั้งสองขั้ว การเปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาว "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และ "หัวหน้าพรรคคนใหม่" คือ "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" ส.ส.น่าน ที่ว่าฮือฮา เพราะเป็นการเปิดหน้าชูธง "คนรุ่นใหม่" ที่จะทำงานผสมผสานไปกับ "คนรุ่นเก่า-รุ่นกลาง" ของพรรคเพื่อไทย เพื่อแต่งตัวเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งแล้ว และที่สำคัญ ยังสะท้อนนัยยะทางการเมืองที่น่าสนใจ ว่า พรรคเพื่อไทย วันนี้ได้กลายเป็น "คู่ต่อสู้" สำหรับ "พรรคก้าวไกล" ไปเรียบร้อยแล้ว! แต่ดูเหมือนว่าขณะที่พรรคเพื่อไทย กำลังกลับมาทวงพื้นที่ทางการเมืองกลับคืนนั้น ได้มีการหยิบยกปรเด็นที่มีความเปราะบาง กรณี "มาตรา 112" ขึ้นมาเสนอว่าอาจให้มีการแก้ไขและพร้อมที่จะดึงเรื่องเข้าสู่สภาฯ จากนั้น อดีตนายกฯทักษิณ ต้องออกมาเบรกเกมกะทันหัน เพราะหากปล่อยปม ม.112 ให้ยืดเยื้อต่อไป ย่อมกระทบต่อพรรคในที่สุด อย่างไรก็ดี อาจดูเหมือนสายเกินไปเมื่อล่าสุด "ศรีสุวรรณ จรรยา" เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)กรณี "ชัยเกษม นิติสิริ" ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกโพสต์ในโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทยว่าให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนของกลุ่มราษฎรในการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 และ 116ต่อมาทักษิณ โพสต์ข้อความออกมากลับลำว่า ม.112 ไม่ใช่ปัญหา ส่งผลให้พรรคเพื่อไทย ต้องเล่นบทใหม่ นอกจากนี้ศรีสุวรรณ ยังร้องกกต. กรณีทักษิณ วีดีโอคอล มายังงานเลี้ยงแกนนำพรรคเพื่อไทย พูดคุยกันถึงเรื่องหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ ดังนั้นทั้งสองกรณีนี้ จะถือว่า "คนนอก" ครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (3)หรือไม่ และหากผิดจริง พรรคเพื่อไทยจะต้องถูกยุบพรรคตามมา พรรคเพื่อไทยจะฝ่าด่านข้อกฎหมายไปได้หรือไม่ ยังเป็นการต่อสู้ในทางคดีความที่จะดำเนินควบคู่ไปกับการจัดทัพเพื่อเตรียมรับการเลือกตั้ง แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจน คือการที่ตัวทักษิณ นั้นเป็นทั้ง "จุดแข็ง" และ "จุดอ่อน" สำหรับพรรคเพื่อไทย ในคราวเดียวกัน !