เสือตัวที่ 6 ความพยายามในการต่อสู้กับรัฐ เพื่อเดินหน้าไปสู่การแยกตัวเป็นอิสระในการปกครองดูแลกันเองของกลุ่มคนในขบวนการในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ยังคงมีความพยายามอยู่ต่อไปแม้ว่าสภาพแวดล้อมของสถานการณ์ในขณะนี้ที่ไม่เอื้ออำนวยให้กลุ่มคนในขบวนการร้ายแห่งนี้ได้เดินหน้าได้อย่างที่ตั้งใจ ด้วยการเข้าถึงของหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่ระดับนโยบายลงไปจนถึงหน่วยงานระดับปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีมากขึ้นเป็นลำดับ นับตั้งแต่ช่วงหลังๆ ของทศวรรษนี้ ที่หน่วยงานภาครัฐ สามารถควบคุมเหตุร้ายรายวันได้อย่างที่เรียกได้ว่าเหตุร้ายรายวันที่ฝ่ายก่อการทั้งหลาย พยายามที่จะกระทำเพื่อหล่อเลี้ยงสถานการณ์ความรุนแรงให้ปรากฏอยู่ทั้งในสายตาชาวโลก พันธมิตรทั้งนอกและในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มคนในขบวนการแห่งนี้ ทั้งที่เปิดเผยตัวตนและที่กำบังซ่อนพรางอยู่ในสาขาอาชีพต่างๆ ให้ลดลงไปอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สาเหตุที่การก่อเหตุร้ายรายวันทั้งหลาย สามารถควบคุมให้ลดลงไปอยู่ในระดับที่พอจะรับได้ก็น่าจะมีมาจากการต่อสู้ของขบวนการที่มีต่อรัฐนั้น ยืดเยื้อ ยาวนานจนมวลชนในขบวนการเริ่มหูตาสว่างมากขึ้น ด้วยมุมมองที่คิดได้เองว่า กลุ่มคนในขบวนการทั้งหลายที่กำลังต่อสู้กับรัฐเหล่านั้น จะยังประโยชน์อันใดให้พี่น้องคนในพื้นที่ที่สามารถจับต้องได้เมื่อเปรียบเทียบกับที่อยู่กับรัฐตามวิถีที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ก็ได้ทุกอย่างแล้วอย่างที่ประสงค์ของวิถีชีวิตในรูปแบบที่ท้องถิ่นต้องการ ภายใต้การสนับสนุนดูแลจากรัฐในทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกิดการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่มีรัฐโดยระบบสาธารณสุขของรัฐเท่านั้นที่สามารถเข้ามาช่วยเหลือคนในพื้นที่ ให้รอดพ้นจากการคุกคามของโรคระบาดได้อย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้ และเมื่อเทียบกับความมุ่งประสงค์ของขบวนการที่ต้องการนำวิถีชีวิตอย่างอุดมคติ มาสู่พี่น้องคนในพื้นที่เมื่อบรรลุการแยกตัวแล้ว นับได้ว่าเป็นจินตนาการที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้แม้แต่น้อย ประกอบกับการที่กองกำลังทั้งหลายเริ่มอ่อนล้า ในสงครามยืดเยื้อไร้จุดจบอย่างที่ปลุกระดมไว้ จึงเป็นการต่อสู้ที่ไม่เห็นแม้กระทั่งแสงสวางที่ปลายอุโมงค์ก็ว่าได้ รวมทั้งการต่อสู้ที่หน่วยงานภาครัฐ ได้เรียนรู้ ถอดบทเรียนครั้งแล้วครั้งเล่า ตลอดเกือบ 18 ปีในยุคหลัง ที่เกิดการต่อสู้อย่างรุนแรงนับจากการปล้นปืนปี 2547 โดยความสูญเสียของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลายได้บ่งชี้ว่า การต่อสู้กับกลุ่มคนติดอาวุธของขบวนการนั้น ควรจะต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและต้องเป็นฝ่ายสูญเสียในที่สุด ด้วยชีวิตแล้วชีวิตเล่าของเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่าย ตลอดจนพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ได้ทำให้กองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงสุดโต่งของขบวนการ ไม่เหลือโอกาสในการลงมือเป็นฝ่ายกระทำกับคนของรัฐได้ตามอำเภอใจอย่างที่เคยเป็นมามากนัก หากแต่ว่าความพยายามในการก่อเหตุร้ายของกลุ่มคนหัวรุนแรงสุดโต่ง ก็ยังไม่หมดสิ้นไปเสียทีเดียว เพราะความทรงจำและความคิดที่ถูกนักสร้างมวลชนของขบวนการ ได้ปลูกฝังจนติดแน่นในความคิดจนเป็นความเชื่อที่ยากจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คนกลุ่มนี้จึงฝังหัวจนเชื่ออย่างสุดชีวิตว่า ต้องใช้ความรุนแรงในการต่อสู้กับรัฐเท่านั้นที่จะบรรลุเป้าหมายได้ เหล่านี้คือที่มาของการติดตามคนกลุ่มนี้ของขบวนการอย่างต่อเนื่อง เกาะติดคนระดับนำที่พยายามสั่งการ สนับสนุนและชี้เป้าให้กลุ่มคนหัวคิดสุดโต่ง นิยมความรุนแรงเหล่านี้ เดินหน้าก่อเหตุร้ายใดๆ อันเป็นการหล่อเลี้ยงสถานการณ์ความรุนแรงไว้ไม่ให้มอดดับลงไปง่ายๆ เสริมสร้างเติมพลังขวัญกำลังใจของมวลชนในพื้นที่ให้ยังคงภักดีต่อขบวนการการต่อสู้กับรัฐอยู่ต่อไป ส่วนความพยายามเหล่านี้ จะก่อให้เกิดความรุนแรงได้มากหรือน้อย ถี่หรือห่าง ก็สุดแล้วแต่สถานการณ์และโอกาสที่อำนวย ล่าสุดช่วงปลายเดือนตุลาคม จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ขบวนการร้ายแห่งนี้ ก็ได้โอกาสในการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงจนได้ แม้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ มากนัก หากแต่ก็เป็นเครื่องบ่งชี้ได้ว่า การต่อสู้ของคนกลุ่มนี้ ยังไม่สิ้นสุด คนกลุ่มนี้ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเพื่อการแยกปกครองกันเองอยู่ต่อไปแม้จะเป็นเพียงความฝันที่ยากจะเป็นจริงแล้วก็ตาม อาทิ กองกำลังและแนวร่วมขบวนการร้ายแห่งนี้ ได้ก่อเหตุระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในถังแก๊สปิกนิก หนัก 25 กก.จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารชุดลาดตระเวนเส้นทาง สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4809 กรมทหารพรานที่ 49 ริมถนนในหมู่บ้านสือแด ม.7 ต.สากอ จ.นราธิวาส จนทำให้เจ้าหน้าที่ทหารได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ในขณะที่กลุ่มคนร้ายได้อาศัยความชำนาญพื้นที่หลบหนีไป จึงเชื่อได้ว่า เป็นคนในพื้นที่ที่แอบแฝงตัวอยู่ปะปนอยู่กับแนวร่วมขบวนการในชุมชนแห่งนี้และพื้นที่ใกล้เคียง และในวันเดียวกัน คนร้ายไม่ทราบกลุ่ม และจำนวน ลอบวางระเบิดรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของตำรวจ ชุด ร้อยเวร 20 สภ.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา ขณะลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณสะพาน ในพื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านตะเน๊าะปูโย๊ะ รอยต่อ หมู่ที่ 6 บ้านปูลามอง ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา แรงระเบิด ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย อันเป็นความพยายามในการหล่อเลี้ยงสถานการณ์ความรุนแรงและเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้กลุ่มคนในขบวนการร้ายแห่งนี้มีความหวังต่อไป ทั้งยังต้องการแสดงศักยภาพการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่ให้คงอยู่ต่อไป แม้ว่าการก่อเหตุร้ายทั้งสองกรณีข้างต้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความรุนแรงอันเป็นประโยชน์ต่อขบวนการร้ายแห่งนี้มากนัก หากแต่ว่า สถานการณ์นี้ ได้บ่งชี้ให้เห็นว่า กลุ่มคนในขบวนการแห่งนี้ ยังคงหลงเหลืออยู่ปะปนกับคนในท้องถิ่นอย่างแนบสนิท ด้วยความสามารถในการก่อเหตุลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการวางระเบิดได้สำเร็จตามเป้าหมายระดับยุทธวิธี จนสร้างบาดแผลให้คนของรัฐทั้งทางกายและทางใจ ที่ทำลายขวัญของคนของรัฐ ทำลายบรรยากาศของความสันติสุขในพื้นที่ และทำลายบรรยากาศของการแก้ปัญหาความเห็นต่าง หาทางออกของความขัดแย้งบนเส้นทางของสันติวิธีที่รัฐพยายามหยิบยื่นให้ก็ตาม หากมองอีกแง่มุมหนึ่ง จะพบว่า การก่อเหตุร้ายที่ผ่านมาจนถึงล่าสุดนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านความมั่นคงจะต้อใช้โอกาสนี้ ในการวิเคราะห์เชิงลึกให้พบว่า คนในพื้นที่เกิดเหตุเหล่านั้น ยังเป็นกลุ่มคนที่มีหัวคิดแปลกแยกกับรัฐและคนไทยโดยทั่วไปที่รัฐต้องให้ความสำคัญมากขึ้น ทั้งการเข้าถึงมวลชนและการกดดันกลุ่มติดอาวุธให้ยอมจำนน เพราะความสำเร็จและการล่องหนของคนร้ายกลุ่มนี้ไปได้ ย่อมเป็นเครื่องชี้เป้าเป็นอย่างดีว่า คนในพื้นที่แห่งนี้ ต้องถูกจับตาและดำเนินการเป็นพิเศษ