หลายวันที่ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า แกนนำในพรรคประชาธิปัตย์ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่สะท้อนความรู้สึก นึกคิด ผ่านโพลสำนักต่างๆ โดยมอบคะแนนนิยมให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อยู่อันดับที่2 ในฐานะ แคนดิเดตนายกฯ รองจาก บิ๊กตู่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้การเดินสายลงพื้นที่ของส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ รวมถึงตัวจุรินทร์เอง แผ่ว ลงไป เพราะหัวหน้าพรรคอย่างเขารู้ดีว่า วันนี้เส้นทางไปสู่เส้นชัยของพรรคประชาธิปัตย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดาย หรือวางใจได้แค่ฟังจากผลการสำรวจความเห็นของประชาชนผ่านโพลเท่านั้น
เมื่อในความเป็นจริงแล้ว แม้การเลือกตั้งครั้งหน้า มีความชัดเจนแล้วว่า จะใช้รูปแบบ บัตร2ใบย่อมส่งผลให้พรรคใหญ่ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประโยชน์ อยู่ก็ตาม แต่ด้วยส.ส.ที่มีอยู่ในมือวันนี้ อยู่ที่ 48 ที่นั่งในสภาฯ ดังนั้นจะกลับไปเอาชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แบบถล่มทลาย กวาดที่นั่งส.ส.ในสภาฯ เป็นพรรคอันดับหนึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จึงกลายเป็นโจทย์ข้อใหญ่
เพราะนั่นหมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะต้องได้ที่นั่งส.ส.เกิน 250 เสียงในสภาฯ จึงกลายเป็นตัวเลขที่ห่างจากความเป็นจริงวันนี้ที่ 48 ที่นั่งอยู่หลายเท่านัก !
อย่างไรก็ดี แต่ใช่ว่าแม้หนทางยาวไกล และยากลำบาก จุรินทร์ จะไม่เดินทางต่อ เพราะอย่าลืมว่า เดิมพัน ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นยังต้องสู้เพื่อให้ได้ที่นั่งส.ส.มากกว่าในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดในปี2562 ที่ผ่านมาแล้ว ผลจากการเลือกตั้งในรอบหน้ายังจะกลายเป็น แรงกดดัน ที่กระแทกไปยังตัวจุรินทร์ เองในฐานะหัวหน้าพรรค
เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค ได้ออกมาระบุว่า ไม่ว่าการเลือกตั้งส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์จะออกมาอย่างไร เขาเองก็พร้อมที่จะยอมรับ และแสดงความรับผิดชอบ
การมีชื่อติดอันดับสอง รองจากพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ สำหรับจุรินทร์ ผ่านการสำรวจจากโพลสำนักต่างๆ ครั้งล่าสุด ทางหนึ่งคือขวัญและกำลังใจ ที่ทำให้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เกิดความเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าพรรค และในอีกทางหนึ่ง ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า แบรนด์ของประชาธิปัตย์ ยังอยู่ในความสนใจ แม้ในสถานการณ์การเมืองที่มีความเข้มข้น เกิดพรรคใหม่ ผุดขึ้นมาชิงคะแนนนิยม จากคนหลายกลุ่ม อย่าง พรรคก้าวไกล
จากการให้สัมภาษณ์ของจุรินทร์เอง ได้แสดงความเชื่อมั่นเอาไว้อย่างน่าสนใจ ว่า พรรคการเมืองก็จะต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เมื่อใดก็เมื่อนั้น ไม่เตรียมไม่ได้ และในภาคใต้ก็ถือเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญของพรรค และแม้ในการเลือกตั้งปี 2562 จะมีอุบัติเหตุทางการเมือง แต่ 2 ปีที่ผ่านมา พรรค ก็สามารถรวบรวม ส.ส. และอดีต ส.ส.เข้ามาร่วมงานกับพรรคได้ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ มีความเป็นปึกแผ่น และมั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคฯ จะได้เสียงตอบรับดีขึ้น
2 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ บอบช้ำจากศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นต้นมา อาจกลายเป็น2ปีที่ทำให้พรรคหาทางปิดจุดอ่อน เสริมจุดแข็งได้มากขึ้น !