เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดปฏิบัติการดับไฟความขัดแย้ง ภายในพรรคร่วมรัฐบาล จบลงด้วยดี ด้วยการที่คืน 4 กรมในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้จากนี้ไป รอยร้าวที่เคยคุกรุ่น อึมครึมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่าง "2 พรรค" สามารถจบลงด้วยความชื่นมื่น
ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ต่างพากันออกมาขอบคุณ แสดงความชื่นชมการตัดสินใจของพล.อ.ประยุทธ์ ทันทีเมื่อนายกฯ มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งเดิม ที่ดึงงาน 4 กรม งานเดิมของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรมช.เกษตรฯ มาไว้ในมือ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กลับไปให้ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์" รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แม้งานนี้จะมีการปิดห้องเคลียร์ใจกันก่อนทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
แต่ถึงกระนั้นกลับกลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาว่า เมื่อนายกฯ สงบศึกข้ามพรรคจบลงแล้ว ความวุ่นวาย ความไม่พอใจ จะวกกลับมาที่ พรรคพลังประชารัฐ ต่อหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า การตัดสินใจ "ยอมถอย" ของพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อรักษาสัมพันธภาพ กับพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลอันดับที่สาม
ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า เมื่อทุกสายตา จะพากันจับจ้องมาที่ พล.อ.ประวิตร แทนว่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ตามมาหรือไม่
ล่าสุดการออกมาตอกย้ำว่า ในพรรคพลังประชารัฐไร้ปัญหา รวมทั้ง "พี่น้อง2ป." เองก็ยังไม่มีปัญหาต่อกัน เมื่อพล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าเขาเป็นคนเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯสมัยที่สามด้วยตัวเอง และไม่มีการน้อยใจใดๆ ทั้งสิ้น
"ก็หัวหน้าพรรคเดินไม่ได้ และจะไปน้อยใจอะไร" ก็ผมเป็นคนเสนอเอง (6ต.ค.64)
แท้จริงแล้วปัญหาความขัดแย้งระหว่าง "3ป." โดยเฉพาะ "2 ป." ระหว่าง บิ๊กป้อม กับบิ๊กตู่ นั้นอยู่ในสายตาและความสนใจตลอดมา ยิ่งในสถานการณ์ที่การเมืองไม่นิ่ง เกิดความเคลื่อนไหวทั้งในและนอกพรรคพลังประชารัฐว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขึ้นมารองรับ "กลุ่มบิ๊กตู่" หากเกิดปัญหาในพรรคพลังประชารัฐ จนคุมกันไม่อยู่ แต่ที่สุดแล้ว กลับกลายเป็นว่าการขยับหมากบนกระดานการเมือง ที่เหมือนจะเกิดคลื่นลม แต่สุดท้ายแล้ว จนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังรุกคืบเข้าคุมพรรคพลังประชารัฐ "ทางอ้อม" โดยไม่จำเป็นต้องใช้วิธีหักด้ามพร้าด้วยเข่า ในคราวเดียว !