สถาพร ศรีสัจจัง          ถ้ามีใครสักหลายคนเกิดตั้งคำถามขึ้นมาว่า ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2561 ที่จะถึงอยู่รอมมะร่อ ทายซิ!เมืองไทยเราจะมีอะไรใหม่ๆขึ้นมาบ้างใหม? ใครจะกล้ามีคำตอบแบบดีๆ แบบบวกๆให้เป็น “ของขวัญปีใหม่” แก่คนไทยที่เมื่อถึงวันนี้ส่วนใหญ่ตกอยู่ในภาวะ “ไร้หวัง” ได้บ้างไหมเอ่ย?            จะมีรัฐมนตรีคนไหนกล้าคิดนอกกรอบบ้าง? คิดแบบกล้าหาญเป็นตัวของตัวเอง แบบคน “เก่งจริง” ในฐานะ “รับอาสา” เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ “คณะนำ” ในการช่วยแก้ไขปัญหาให้สังคม ในห้วงยามที่ประเทศต้องการ “คนดีคนเก่ง” ตัวจริงที่กล้าเผชิญกับ “อวิชชา” และ “มิจฉาทิฎฐิในทุกรูบแบบ             กล้าแม้กระทั่งเป็นหนูที่จะเอากระพรวนไปผูกคอแมวที่ชื่อ'ประยุทธ จันทร์โอชา' !!             เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ความหวังใหม่ที่แท้จริงขึ้นบ้าง ไม่ว่าจะเป็นโครงการใหม่ๆที่ปลอดพ้นจากการสนองตอบกลุ่มผลประโยชน์ใหญ่ๆ(ทุนใหญ่?)ที่รุมแลบลิ้นอย่างหื่นกระหายล้อมกรอบอยู่รอบรัฐบาลที่ชื่อ'คสช' หรือความคิดทางการเมืองใหม่ หรือระบบคิดใหม่ๆที่ทันการต่อการแก้ปัญเรื่องเศรษฐกิจ..            เศรษฐกิจใหม่ที่ทำให้ชาวบ้านลืมตาอ้าปากหายใจหายคอได้คล่องกว่านี้? อย่างเช่น ทำอย่างไรให้ ชาวสวนยางพาราที่กำลังเผชิญกับภาวะ “ยาง 3 กิโลร้อย” ชาวสวนปาล์มที่กำลังจะล้มละลาย ชาวนาที่ไม่เห็นอนาคต ชาวไร่อ้อย ไร่มัน ชาว...ฯลฯ ได้มีความหวังว่า พรุ่งนี้เช้ายังจะพอมีเงินซื้อข้าวปลาอาหารให้ครอบครัว จะพอมีเงินใช้หนี้ที่สุมพอกมานานได้บ้าง จะมีเงินให้ลูกเข้าเรียนหนังสือในสถานศึกษาที่ลูกคนมีสตังค์เขาเรียนกัน (ก็ให้แข่งขันนี่)ไดับ้าง                 ไม่ต้องให้ถึงขนาดจะต้องเหลือเงินเพื่อซื้อทองเอาใจเมีย หรือซื้อลูกหมาบางแก้วเอาใจพี่และเพื่อนหรอก!ปีใหม่แล้วหนา! ควรอย่างยิ่งที่จะต้องมีอะไรที่ใหม่ๆเป็นของขวัญให้คนไทยบ้าง!               เรื่อง “รัฐบาลใหม่” นั้น(ไม่ว่าจะมาจากเลือกตั้ง/หรือใช้อำนาจที่มี “อาสา” เข้ามา?) ไม่แน่ใจนักว่าชาวบ้านเขาอยากได้กันจริงหรือเปล่า?ที่เห็นก็มีแต่พวกนักการเมืองเจ้าของกลุ่มอำนาจเก่ากับบรรดาเครือข่ายนั่นแหละ ที่กระดี้กระด้าอยากได้เรื่องนี้ตัวจริง!               แล้วก็เหมือนมีปาฏิหารย์บังเกิด! ในยามท้อแท้แทบสิ้นหวังกับสิ่งที่เรียกว่า “รัฐบาล” (ทุกประเภทและทุกที่มาของเมืองไทย?) ในคืนวันที่ 25 ธันวาคมก็ให้บังเอิญได้ยินเสียงแว่วมาจากจอทีวี.บางช่อง ดูเหมือนเป็นรายการสัมภาณ์รัฐมนตรีบางท่านเกี่ยวกับเรื่องบางเรื่อง ลุกเดินไปดูหน้าจอพบว่าเป็นรายการ “หมาแก่กับแมวสาว” ซึ่งบางใครบอกว่าเป็นรายการเชิงวิเคราะห์เจาะลึกทางเศรษฐกิจ การเมืองที่มี “โปรไฟล์” สูงพอควร               เห็นมีแคบชั่นใต้รายการพาดเป็นตัวโป้งมีเนื้อหาประมาณว่า “ล้มแก่งเสือเต้น” พร้อมๆกับฟังความจับได้ว่า ท่านรัฐมนตรีคนที่กำลังให้สัมภาษณ์อยู่คือ “อาจารย์ยักษ์” ดร.วิวัฒน์ ศัลยกำธร อดีตข้าราชหนุ่มอนาคตไกลในอดีต ที่ลาออกจากงานราชการมาเพื่อทำงานด้านเกษตรกรรมธรรมชาติแบบยั่งยืน เพื่อสนองแนวคิดเรื่อง “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงรัชกาลที่ 9 จนเป็นที่ลือลั่น เป็นต้นแบบมายาวนานอยู่ที่ “มาบเอื้อง” นั่นไง!                 'อาจารย์ยักษ์'(ขวัญใจใครหลายคน) เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาล “ประยุทธ์ 5” มาหมาดๆเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2560 นี้เอง!!                  เป็นข่าวครั้งแรกก็ร้อนแรง เพราะใครก็รู้ว่าโครงการแก่งสร้างเขื่อน “แก่งเสือเต้น” นั้นสู้กันมานานขนาดไหน ระหว่างกลุ่มผลประโยชน์ “ลึกแต่ไม่ลับ” ที่หวัง “เขมือบ” โภคผลมหาศาลทั้งโดยตรงและโดยอ้อม จากโครงการนี้กับขบวนประชาชนที่ต้องการปกป้องทรัพยากรของชาติและต้องการการพัฒนาแบบยั่งยืน!                 การที่ “อาจารย์ยักษ์” กล้าเล่นของร้อนขนาดนี้ ต้องถือว่าที่ตัดสินรับอาสาเข้ามาเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้แสดงชัดว่า อุดมการณ์สนองแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียงยั่งยืน” ของในหลวงรัซกาลที่ 9 ยังเข้มแข็งมั่นคง และนี่ต้องถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ 2561 ชิ้นใหญ่ที่แท้จริงสำหรับประชาชนไทย!                  เรื่องนี้ถ้า “จารย์ยักษ์” เสนอ “บิ้กตู่” (เจ้าของอำนาจตัวจริง)ในวันรุ่งขึ้น แล้วนายกฯคนนั้นตวาดใส่เชิงไม่เห็นด้วย(เพราะไปสุโขทัยเที่ยวนี้อาจถูก'เจ้าพ่อ'แถวนั้นล๊อบบี้หนัก เห็นมีข่าวป้วนเปี้ยนๆคล้ายสวีทกันเหลือเกิน) ก็อย่าลืมช่วยตะโกนบอกประชาชนดังๆก็แล้วกัน เที่ยวนี้จะได้รู้กันจริงเสียทีว่าใครเป็นหมู่เป็นจ่า หรือใครคือนายพลตัวจริง!!!!