แสงไทย เค้าภูไทย
รัฐบาลเตรียมเปิดทางให้ต่างชาติลงทุนและถือครองทรัพย์สินที่ดินในไทย อาจเกิดจีนอพยพรุ่นเหลนที่ไม่ได้มาแต่เสื้อผืนหมอนใบ หากแต่มามือเปล่าพร้อมหยวน ช้อปปิ้งของถูก ทั้งธุรกิจ กิจการ ห้างร้าน อสังหาริมทรัพย์ที่ถูกพิษโควิด-19 เล่นงานจนต้องปิด/เลิก กิจการ แล้วกอบโกยกำไรส่งกลับทางโพยก๊วนดิจิทัล
รัฐบาลไทยเคยใช้มาตรการลักษณะนี้หวังกอบกู้เศรษฐกิจ หลังวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้ง
ผลตามมาคือ กิจการ ทรัพย์สิน โดยเฉพาะ กิจการด้านการเงิน ตั้งแต่ระดับธนาคารจนถึง ทรัสต์ ไฟแนนซ์ ฯลฯ ตกไปอยู่ในมือต่างชาติจากการประมูลขายกิจการที่ล้มละลาย
ช่วงนั้น มีชื่อกิจการในไทยควบชื่อเดิมที่เป็นภาษาไทย กับชื่อภาษาอังกฤษหรือชื่อจีนเกิดขึ้นมากมาย
กิจการที่ถูกซื้อไปนั้น มีทรัพย์สินของบริษัท ที่สำคัญติดไปด้วย นั่นคือที่ดิน จากการที่ลูกค้านำมาจำนองหรือค้ำประกันเงินกู้แล้วไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้เนื่องจากพิษต้มยำกุ้งร้ายแรงมาก
วันนี้ เศรษฐกิจไทยยังตกต่ำไม่ถึงขั้นวิกฤต เป็นแต่เพียงระดับถดถอย(recession) เท่านั้น
แต่รัฐบาลก็ตื่นตระหนกกันยกใหญ่ ถึงขนาดอนุมัติมาตรการดึงชาวต่างชาติ 1 ล้านคนซื้อบ้าน ที่ดิน และคอนโดฯเพื่อพำนักอาศัยระยะยาว หวังแลกเม็ดเงิน 1 ล้านล้านบาท
ภาวะเศรษฐกิจซบเซาเกิดขึ้นทั้งโลกเพราะฤทธิ์โควิด-19 หากการแพร่ระบาดลดลหรือสิ้นสุดลง ชาติผู้นำด้านเศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวขึ้นมาเอง ฉุดเศรษฐกิจภาคพื้นอื่นๆฟื้นตัวตาม
อย่างที่สหรัฐฯ ประชาคมยุโรปและใกล้บ้านเรา สิงคโปร์กำลัง return to new normal economy กลับสู่ภาวะปกติใหม่เป็นต้น
ตลาดหลักของไทยอยู่ย่านนั้น ก็จะฟื้นตัวตามโดยอัตโนมัติ
การที่ให้ต่างชาติเข้ามาถือครองทรัพย์สินถาวร อยางเช่นที่ดิน อาคาร นั้น ต่างชาติที่ว่านั้น คงไม่ใช่ฝรั่งเป็นส่วนใหญ่
ต่างชาติที่จะเป็นผู้ถือครองกลุ่มใหญ่ที่สุดคือจีน
เพราะขนาดกฎหมายยังไม่เปิด ชาวจีนก็แห่เข้ามาถือครองกิจการและที่ดินในไทยกันอย่างเงียบๆ ทั้งในรูปหุ้นส่วนธุรกิจการค้า ทั้งในรูปตัวแทนถือครอง
ที่เห็นกันจะจะ ก็คือกิจการมหาวิทยาลัย 15 แห่ง (ตัวเลขเมื่อปีที่แล้ว)
ตอนนี้ เจอพิษโควิด-19 โรงเรียน มหาวิทยาลัยปิด สถานศึกษาเอกชน หลายแห่งทนไม่ไหว ปิดกันเงียบๆอีกหลายแห่ง น่าจะมีการซื้อ-ขายกันอีกไม่ต่ำกว่า 10 แห่ง
กิจการโรงแรมก็ขายกันระนาว เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ซื้อไปกว่า 100 แห่ง
อาจมีซื้อเพิ่มอีก เพราะขณะนี้มีการบอกขายกันอีกกว่า 100 แห่ง
ต่างชาติที่จะมาซื้อทรัพย์สินตามมติครม.นี้ น่าจะเป็นคนจีนมากกว่าชาติอื่นๆ
จีนกำลังล่องลงใต้ตามเส้นทาง One Belt One Road ตั้งต้นที่บ่อเต็นของลาว ซึ่งขณะนี้มีตึกรามทันสมัย ป้ายชื่อร้าน มีแต่ภาษาจีนเต็มไปหมด ลงมาใต้จรดแม่น้ำโขงตรงข้ามเชียงของของไทย
ถ้าข้ามมาไทยได้ ก็อาจจะมีร้านรวงที่มีป้ายชื่อร้านเป็นภาษาจีนเกิดขึ้นเช่นกัน
ตอนนี้แถวประตูน้ำ ห้วยขวาง ถนนข้าวสาร มีกันหลายร้าน
แต่ยังไม่เท่ากับที่สีหนุวีลล์ ของกัมพูชา ที่นั่นมีกาสิโน มีที่พักหรู อาหาร ภัตตาคารจีน ร้านค้ารูปแบบจีน ช้อปปิ้งมอลล์ขนาดใหญ่ จนเรียกขานกันว่า Mini China
การที่ร้านค้าและกิจการจีนเข้ามาตั้งในไทยนั้น สาเหตุมาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยนั้น กลุ่มใหญ่นับล้านๆคนเป็นชาวจีน
นักลงทุนจีน ก็เลยตามมาเปิดกิจการบริการนักท่องเที่ยวชาติเดียวกัน ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร ภัตตาคารไปจนที่พัก และบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
ที่ดินและอาคารสถานที่เหล่านั้น จีนถือครองในรูปการเช่า หรือมีคนไทยถือครองแทน
แต่เมื่อใดที่ยกเลิกกฎหมายนี้ เชื่อว่า จะมีการถือครองที่ดินกันอย่างเปิดเผยมากมายอย่างคาดไม่ถึง
เม็ดเงินล้านล้านบาทที่หวังจากต่างชาตินั้น เข้ามานานแล้ว คงไม่มีมาเติมตามเป้าหมาย
จะมีก็แต่เข้ามากอบโกยเอากลับบ้าน เพราะพลังเงินหยวนนั้นแข็งแกร่งกว่าบาทมากนัก
ขนาดสหรัฐฯ ตอนนี้ยังผวา เริ่มห้ามนักศึกษาจีนเข้าศึกษาในสถาบันในสหรัฐแล้ว ที่ศึกษาอยู่ก็พยายามผลักดันให้กลับประเทศ ด้วยเกรงว่า จะเกิดอาการสมองไหลไปสู่นักศึกษาเหล่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ตลาดสินทรัพย์ ทั้งพันธบัตร ทั้งหุ้น ทุนจีนก็ถือครองเป็นรายใหญ่ ไม่ว่าจะมีการออกบอนด์อะไรมา จีนซื้อดะ
จนรัฐบาลสหรัฐฯสะดุ้งใจ เพราะทุนจีนกลายเป็นเจ้าหนี้สหรัฐฯรายใหญ่ที่สุดในตลาดพันธบัตรไปโดยไม่รู้ตัว
นี่คือสิ่งที่น่ากลัวถ้าหากเปิดให้ต่างชาติถือครองทรัพย์สินที่ดินไทยได้เสรี
สมัยก่อนคนจีนหนีความแห้งแล้งอดอยากมาไทยด้วยเสื่อผืนหมอนใบ ตักตวงความอุดมสมบูรณ์แล้วเปลี่ยนเป็นโพยก๊วนส่งกลับจีน
สมัยนี้มาด้วยรถไฟความเร็วสูงกับเงินหยวนเต็มกระเป๋า ตักตวงความอุดมสมบูรณ์ของไทยแล้วส่งกลับบ้านด้วยโพยก๊วนดิจิทัล
ไทยพร้อมจะรับจีนอพยพรุ่นใหม่แล้วหรือ ?