หลังผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่สร้างรอยร้าวไว้ในพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ ประกอบการเร่งเดินหน้าลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้กระแสข่าวการยุบสภาฯขึ้น ขณะที่การปรากฎตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อโต้ข้อกล่าวหา “ดีลล่ม” ตอนหนึ่งระบุว่า “ไม่มีดีล แต่นายกฯโกรธ แล้วการปลดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ทำให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โกรธเช่นกัน และว่าจากนี้ การเมืองจะราคาแพงขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตัดสินใจยุบสภา เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ เร็วขึ้นจากที่เคยทำนายไว้ว่า จะเป็นเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ปี 2565 อาจจะเร็วกว่านั้น” ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องปกติตามภาระหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเข้าไปช่วยเหลือแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน รวมถึงได้รับทราบถึงความเดือดร้อนอย่างใกล้ชิด แต่ไม่ได้หมายความว่าการที่ท่านนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่นั้นแปลว่าจะต้องมีการยุบสภา ซึ่งถือเป็นคนละเรื่องกัน ทั้งนี้ไม่อยากให้หยิบยกการลงพื้นที่ของนายกฯ โดยเฉพาะการเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมมาเป็นประเด็นทางการเมืองว่า เป็นการส่งสัญญาณว่าจะมีการยุบสภาฯ ยืนยันว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ และไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องยุบสภาฯ เนื่องจากขณะนี้ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเองก็ยังให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นอย่างดี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในขณะนี้นั้นจะยิ่งเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะงบประมาณแผ่นดินที่จะต้องนำมาใช้จัดการเลือกตั้ง ซึ่งงบประมาณเหล่านี้น่าจะนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 และการฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ ที่วันนี้ประชาชนกำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชนต่อไปจนครบวาระ จากนั้นประชาชนจะเป็นผู้ที่ตัดสินเองในการเลือกตั้งครั้งต่อไป อย่างไรก็ดี เรามองว่า การยุบสภาเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับความได้เปรียบทางการเมืองของรัฐบาลเป็นหลัก แม้ช่วงปลายปีนี้จะมองว่าวัคซีนจะเข้ามาเป็นปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมีแนวโน้มลดลง ทว่าในช่วงที่ยังฝุ่นตลบเช่นนี้อาจยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าจะร่นเวลายุบสภาฯขึ้นมา อีกทั้งรัฐบาลยังไม่ได้เลือกตั้งผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร ซึ่งการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม จึงเป็นไปได้ยากที่จะยุบสภาฯในห้วงเวลาดังกล่าว หากไม่มีวิกฤติอื่นใด การเมืองจะยังเดินไปตามกรอบนี้