“คนจนเมือง” หมายถึง คนจนที่อยู่ในเมือง
การทำมาหากินของคนจนเมือง แตกต่างจากเกษตรกรคนจนในชนบท
ปัญหาเร่งด่วนรุนแรงที่สุดของคนจนเมืองคือ โอกาสในการประกอบอาชีพทำมาหากิน
เมิ่อคืนวันศุกร์ที่ 15 ธันวาคม นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตลาดประชารัฐว่าจะทดแทนแหล่งค้าขายที่ถูกนโยบาย “จัดระเบียบ” ทางเท้าทำให้หดหายไปได้
เราเห็นว่าตลาดประชารัฐอาจจะช่วยเหลือได้เพียงบางส่วนเท่านั้น มีอีกหลายส่วนที่ไม่ได้ประโยชน์จากตลาดประชารัฐ
การทำมาค้าขายริมทางเท้าของคนจนเมืองนั้น ส่วนใหญ่จะขายสินค้าบริโภค ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนในถิ่นนั้น ลักษณะของ “ตลาดประชารัฐ” มิได้ช่วยแก้ปัญหาตรงจุดนี้
การประกอบอาชีพของคนจนเมืองโยงใยกับปัญหาที่พักอาศัย หารช่วยเหลือสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพองคนจนเมือง จึงต้องจัดการแก้ปัญหาความไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัยพร้อม ๆ กันไปด้วย
คนจนเมืองนั้นอาจจำแนกตามลักษณะที่อยู่อาศัยได้ 5 กลุ่ม คือ คนจนเมืองในชุมชนแออัด, คนจนเมืองในชุมชนใต้สะพาน, คนจนเมืองริมคลอง, กรรมกรก่อสร้างนอกระบบ และ คนไร้ที่อยู่ ซึ่งผู้คนเหล่านี้ส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพในกิจการที่ไม่เป็นทางการ เช่น รับจ้างทั่วไป ค้าขาย หาบเร่แผงลอย มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ขับรถแท็กซี่ ลูกจ้างโรงงาน คนงานก่อสร้างและคนงานแบกหาม ตลอดจนไม่มีอาชีพที่ทำให้ตนเองมีความมั่นคงในชีวิต นอกจากนี้คนจนเมืองบางส่วนไม่มีที่อยู่อาศัย สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้คนจนเมืองขาดโอกาสในด้านต่างๆ ถูกละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ไม่ได้รับความคุ้มครองจากรัฐตามที่กำหนดไว้ และบางส่วนก็ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน ใบเกิด หรือหลักฐานเอกสารแสดงตน บางคนไร้การศึกษา ทำให้ตกเป็นเหยื่อทางสังคมที่ไม่มีวันสิ้นสุด
คนจนเมืองนั้นมีทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองมาหลายชั่วอายุคนนแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถมีบ้านพักอาศัยที่มั่นคง ลังด้อยโอกาสในการประกอบอาชีพ และผู้ที่เคลื่อนย้ายจากชนบทอันเป็นผลสืบเนื่องจาก “ทุนนิยมอุตสาหกรรม” เปลี่ยนแปลงชนบทจนผู้คนส่วนหนึ่งดำรงชีวิตอยู่ในชนบทแบบเดิมไม่ได้ จำเป็นต้องเข้าเมืองมาดิ้นรนหาทางรอด
พวกเขาถูกมองว่าเป็นคนเล็กคนน้อย คนชั้นล่าง แต่เศรษฐกิจไทยก็ได้เติบโตขึ้นมาด้วยพลังแรงงานของคนเหล่านี้ ปัจจุบันส่วนส่วนหนึ่งได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจทุนนยิมที่พัฒนามาไกลแล้ว แต่พวกเขากลับยังด้อยโอกาสในหลาย ๆ ด้าน
มุมมองของคนในสังคมรวมทั้งภาครัฐ มักมองชุมชนของคนจนเมืองในเชิงลบ เช่น เป็นแหล่งรวมของปัญหาสังคม ยาเสพติด อาชญากร เป็นแหล่งมลภาวะ น้ำเน่าเสีย ฯลฯ ปัญหาโดยรวมของคนจนเมืองในปัจจุบันที่รุนแรงที่สุดคือ โอกาสในการทำมาหากิน อันทำให้หารายได้ได้น้อยไม่พอรายจ่าย หนี้สิน คุณภาพชีวิต การเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ ปัญหาเหล่านี้เป็นผลพวงของการพัฒนาประเทศที่เน้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจมากกว่าทางสังคม นำไปสู่การพัฒนาที่ไม่สมดุล ขยายความเหลื่อมล้ำ เมืองยิ่พัฒนามาก ความเหลื่อมล้ำทางเศรษบกิจกลับยิ่งหนักขึ้น