แนวรบที่ฟากฝั่ง "พรรคพลังประชารัฐ" ยังคงเข้มข้นไม่เปลี่ยนแปลง แม้งานนี้จะมี ตัวละครหลักอยู่เพียงไม่กี่คน แต่ต้องยอมรับว่าจนถึงบัดนี้ หลายคนยังไม่มั่นใจคลื่นลมสงบจริงหรือไม่
เมื่อ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาร่วมประชุมส.ส.พรรคด้วยตัวเอง เมื่อเช้าวันที่ 15 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ที่อาคารรัฐสภา เพื่อเป็นการตอกย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาลยังคงเดินหน้าต่อไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งใดๆ ที่จะยิ่งเป็นการขยายรอยร้าว
ยิ่งเมื่อพล.อ.ประวิตร ลงนามแต่งตั้ง "บิ๊กน้อย" พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เข้ามานั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ของพรรค เมื่อกลางดึกของวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ยิ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าพล.อ.ประวิตร จะไม่ทิ้งพรรคไปไหน เมื่อส่งคนที่ไว้วางใจได้เข้ามานั่งในตำแหน่งสำคัญ
แต่ที่หลายคนพุ่งความสนใจ คือการเข้าร่วมประชุมส.ส.ของพรรค จาก 2อดีตรัฐมนตรี ทั้งร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ยังอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ในฐานะเหรัญญิกพรรค ตบเท้าเข้าประชุมพร้อมกับคณะของพล.อ.ประวิตร ทั้งที่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกคนต่างรู้ดีว่า ภายในพรรคพลังประชารัฐเพิ่งเกิดสึนามิ คลื่นความขัดแย้งเข้าถล่ม จนเกิดเป็นข่าวสะพัดว่า อีกไม่นาน พรรคจะแตก !
ท่าทีของบิ๊กป้อม ที่แสดงออกต่อสื่อครั้งนี้เต็มไปด้วยความสบายใจ ยิ่งเมื่อหัวหน้าพรรคเดินทางมาพร้อมกับพล.อ.วิชญ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ อีกทั้งยังมีคนสนิท ไม่ว่าจะเป็นร.อ.ธรรมนัส และนฤมล และที่สำคัญยังแสดงความชัดเจนว่าจะยังไม่มีการรื้อโครงสร้างพรรค นั่นหมายความว่า ในฐานะหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร จึงต้องเลือกที่จะรักษาพรรคเอาไว้ เพื่อเตรียมตัวไว้รองรับงานใหญ่ คือการเลือกตั้งรอบหน้า
ดังนั้นการที่ยังไม่เข้าไปแตะ ไม่รื้อโครงสร้างพรรค ตามที่มีแรงกดดันจากบางกลุ่มในพรรคที่ต่างหวังส่งคนเข้ามาชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรค หากร.อ.ธรรมนัส ตัดสินใจลุกออกไปจริง ตามที่เป็นข่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จะด้วยเพื่อต้องการ "ซื้อใจ" ลูกน้องคนสนิทอย่างร.อ.ธรรมนัส ไม่ให้เดินออกจากพรรค แล้วพลิกไปจับมือกับ "ฝั่งตรงข้าม" จนกลายเป็น "ศัตรู" กับพลังประชารัฐแทน หรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อยที่สุด ในระหว่างที่พรรคพลังประชารัฐยังรอจังหวะที่จะเปลี่ยนแปลง ตบแต่งหน้าตากันใหม่ ทางที่ดีที่สุด คือการเว้นระยะ เว้นวรรคเดินเกมการเมืองที่แข็งกร้าว เพราะมีแต่จะ "เสีย" มากกว่า "ได้" !