ทีมข่าวคิดลึก ขณะที่บรรดา "2 ป." พี่น้องแห่งบูรพาพยัคฆ์ กำลังซวนเซ เพราะเจอมรสุมหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาพร้อมๆ กัน ถึงแม้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)จะยิ้มสู้แล้วก็ตาม แต่กลับดูเหมือนว่ายังไม่สามารถ "แก้เกม" กลับมาได้ ! เมื่อ "พี่ใหญ่" อย่าง "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังเจอกับปม "นาฬิกาหรูแหวนเพชร" ที่ยังชี้แจงที่มาต่อสังคมไม่กระจ่าง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เองเจอ "ชวนหลีกภัย" อดีตนายกรัฐมนตรี สอนมวยว่าด้วยปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ที่ยังมีรายได้ต่อครัวเรือนน่าเป็นห่วงซึ่งงานนี้ว่ากันว่า ทำเอา พล.อ.ประยุทธ์เสียรังวัดอยู่พอสมควร และเป็นสองประเด็นร้อนๆ ที่กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับ คสช.และรัฐบาลอยู่ไม่น้อย เพราะประเด็นหนึ่งคือเรื่องส่วนตัว ที่สาธารณชนและกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ตรวจสอบได้ ส่วนอีกประเด็นหนึ่งคือ การสวนกลับจาก "อดีต ส.ส."ระดับ "บิ๊ก" ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่สะท้อนข้อมูลความเป็นจริงของพี่น้องประชาชน ที่อาจสวนทางกับข้อมูลที่ผู้นำรัฐบาลมีอยู่ในมือ และแล้วพลันมีข่าวดี ที่น่าจะทำให้เกิดผลในทางที่เป็น "บวก" ต่อรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อล่าสุดคณะรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป(อียู) มีมติฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการเมืองกับประเทศไทย ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ประเทศไทยจะต้องจัดเลือกตั้งภายในเดือน พ.ย.2561 และจะต้องไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ม.112 กรณีหมิ่นสถาบัน แน่นอนว่าท่าทีจากอียูที่มีต่อรัฐบาลทหารเช่นนี้ ย่อมทำให้เกิดผลในสองทางนั่นคือการที่รัฐบาล คสช.จะเป็นฝ่ายได้แต้มต่อ ในเชิงการเมืองระหว่างประเทศและในประเทศ แต่ทว่าประเทศไทยจะต้องจัดการเลือกตั้งตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ นั่นหมายความว่า การเลื่อนเลือกตั้งตามโรดแมปจึงไม่ควรเกิดขึ้น ! ปมประเด็นที่ว่าด้วยการเลือกตั้งนั้นต้องยอมรับว่า เป็นเงื่อนไขที่กดดันต่อคสช.อยู่ไม่น้อย เพราะต้องไม่ลืมว่ากระแสที่ว่าด้วยคสช.หวังที่จะสืบทอดอำนาจให้ยาวไกลออกไปนั้น มีมาโดยตลอด อีกทั้ง ยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ว่า ก่อนจะไปถึงวันเลือกตั้งครั้งใหม่ พรรคการเมืองที่มีอยู่ต้องอยู่ในสภาพที่อ่อนล้า โรยแรง ให้มากที่สุด แต่อย่างไรก็ดี ที่สุดแล้ว หากการเลือกตั้งกำลังจะกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ "โลกภายนอก" นำมาใช้กดดันรัฐบาลทหาร ของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คงมีหนทางเดียวนั่นคือ คสช. ต้องยอมเปิดทางให้เกิดการเลือกตั้ง ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามโรดแมป และสิ่งที่ได้เคยให้สัญญาเอาไว้ก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวทางการเมือง ในเวลานี้ต่างเฝ้ารอการตัดสินใจของ คสช. ว่าจะยอมให้มีการปลดล็อกเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองจัดการประชุมพรรคเพื่อเตรียมทัพรับการเลือกตั้งกันด้วยใจจดจ่อ อาจจะพอเริ่มมีความหวังว่า ถึงอย่างไร คสช.เองก็คงไม่อาจต้านทาน "แรงกดดัน" จากอียู จนต้องยอมปลดล็อกให้ในเร็ววัน จากนี้ สถานการณ์และบรรยากาศของรัฐบาล และ คสช. จะเริ่มส่อเค้าวุ่นวาย และเข้มข้นมากขึ้น โดยปริยายหรือไม่ ในเมื่อมีปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่สามารถคอนโทรลได้ทั้งหมด !