การวัดความยากจนโดยใช้ข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (จปฐ) การวัดความยากจนเชิงคุณภาพ โดยใช้ข้อมูลความจำเป็นขั้นพื้นฐาน เพื่อเน้นคุณภาพชีวิตที่กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำไว้ กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้จัดทำตัวชี้วัดความจำเป็นขั้นพื้นฐาน (จปฐ) เป็น 8 หมวดได้แก่ สุขภาพอนามัยดี , ที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม , ได้รับการศึกษาและรับรู้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ , ครอบครัวสุขสบาย , มีอาชีพและรายได้พอเพียง , มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน , มีการพัฒนาจิตใจ , จิตสำนึกและร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ตัวชี้วัดห้าหมวดแรกนั้นเข้าใจง่ายว่า เกี่ยวพันกับปัญหาความยากจนชัดเจน
แต่ตัวชี้วัดสามหมวดหลังนี่ เข้าใจยากเหมือนกัน
การมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน การพัฒนาจิตใจ การมีจิตสำนึกร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะใช้วัดความจนความรวยกันอย่างไร
หากการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน , จิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่ำ นี่จัดเป็นคนจนหรือ ?
หากการมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน , จิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสูง นี่จัดเป็นคนรวยหรือ ?
พูดถึงปัญหาจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก่อน ผู้ที่ทำลายสภาพแวดล้อมร้ายแรงนั้น ส่วนข้างมากคือ “อภิทุนข้ามชาติ” ที่รวยมหาศาล กับพวก “นายทุนนายหน้า” ที่ขายทรัพยากรชาติ เสียเป็นส่วนใหญ่
คนจนส่วนหนึ่งอาจจะขาดจิตสำนึกอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะเขาด้อยโอกาส ไม่มีทางเลือก
“ทุน” ที่ร่ำรวยนั่นแหละ เป็นตัวเร่งการทำลายล้างสภาพแวดล้อมธรรมชาติ ทั้ง ๆ ที่รับรู้ผลได้ผลเสียเป็นอย่างดี แต่ก็เลือกหนทางที่จะได้กำไรสูงสุด ถึงแม้จะทำลายสภาพแวดล้อมก็ตาม
พูดถึงเรื่องการพัฒนาจิตใจ หรือเรียกว่าจริยธรรมสังคมก็คงได้ กรมพัฒนาชุมน กระทรวงมหาดไทยผู้คิดค้นตัววัดหมวดนี้ คิดกันอย่างไร ?
คิดว่าคนจนพัฒนาจิตใจน้อยหรือ ? คิดว่าคนที่มีฐานะเศรษฐกิจดี จะมีการพัฒนาจิตใจสูงในระดับเดียวกับฐานะเศรษฐกิจหรือ ?
มาถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนุมชน “การพัฒนาชุมชน” ในระบบคิดของหน่วยราชการก็คือ ราษฎรปฏิบัติตามคำสั่งคำชี้นำอย่างว่านอนสอนง่าย ราชการคิดการพัฒนาออกมาในรูปใด สั่งผู้ใหญ่บ้านกำนันลงไป ให้ราษฎรปฏิบัติตามนั้น พอถึงเวลาก็ไปตัดริ้บบิ้นเปิดงาน จากนั้นก็ไปตรวจงานตามระยะที่ “นาย”จากกรุงเทพมาดู
แผนโครงการที่สั่งจากบนลงล่าง มีผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แผนโครงการที่สั่งจากบนลงล่าง มันตรงกับความต้องการของชาวบ้าน แก้ไขปัญหาความยากจนของชาวบ้านได้ตรงเพียงใด นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“การมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชน” ของชาวบ้าน หมายถึงว่าต้องทำตามคำสั่ง ตามนโยบายจากบนลงล่าง
ถ้าชาวบ้านไม้ต้องการโครงการพัฒนานั้น ๆ แล้วคัดค้าน นั่นจะกลายเป็นพวกกบฏหัวแข็ง ถ้าชุมนุมต่อต้านก้ถูกจับขังคุก ถ้าเย็นชาไม่เข้าร่วมโครงการพัฒนาองรัฐ ก็ตีความว่าพวกชาวบ้านยากจนจึงขาดจิตสำนึกที่จะมาร่วมพัฒนา
แนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นมันล้าหลังมาก ๆ คงจะไม่หลงเหลืออยู่ในหน่วยราชการไทยกันแล้ว