ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แล้ว ด้วยคะแนนเสียง 257 เสียง ไม่เห็นด้วย 189 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณ 3.1 ล้านล้านบาท ขณะที่ประมาณการรายได้สุทธิอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านบาท ความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองต่อจากนี้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาที่จะมีขึ้นในวันอังคารที่ 24 และวันพุธที่ 25 สิงหาคมนี้ โดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ มีความเชื่อมั่นว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านรัฐสภาวาระแรกมีความสมบูรณ์ และการพิจารณาของคณะกรรมาธิการก็ไม่ได้ขัดหลักการแต่อย่างใด ส่วนที่มีพรรคการเมืองบางพรรคเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำขัดหลักการ จะยื่นให้มีการตีความก็เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ ทั้งนี้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความเห็นพ้องต้องการของฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา เพราะรัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะสำเร็จได้ต้องมี ส.ส. จากฝ่ายค้านเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบของทุกพรรคการเมืองดังกล่าวรวมกัน และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา อย่างไรก็ตาม นายองอาจ ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ เชื่อมั่นว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นนี้จะผ่านความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นในการใช้สิทธิเลือก ส.ส. และพรรคการเมืองที่เห็นว่าเหมาะสมด้วยบัตร 2 ใบ ซึ่งทำให้ประชาชนได้ใช้สิทธิเสรีภาพเป็นไปตามเจตนารมณ์ของตนอย่างแท้จริง อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีส่วนร่วมของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กระนั้น หากมองเงื่อนไขทางการเมือง เมื่องบประมาณผ่านที่ประชุมสภาฯแล้ว และแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ก็ถือเป็นการ “ปลดล็อก” พรรคร่วมรัฐบาลไปในตัว จึงไม่แปลกที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาดักรอไว้ เพื่อหวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง การถอนตัว หรือย้ายขั้วทางการเมือง บีบให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะในทางกฎหมายแล้วหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว นายกรัฐมนตรีจะหมดสิทธิ์ยุบสภา ทั้งนี้เมื่อสำรวจเสียงของส.ส.ในสภาฯมีทั้งหมด 482 เสียง พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 212 เสียง ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลมี 270 เสียงเนื่องน.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หลังศาลฎีการับคำร้อง ป.ป.ช.ถูกกล่าวหาทำผิดมาตรฐานจริยธรรมฯ ร้ายแรง คดีเสียบบัตรแทนกัน ฉะนั้น การเมืองในห้วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายน จึงเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ที่จะวัดใจพรรคร่วมรัฐบาล