สัญญาณดี จาก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ส่งผ่านเฟซบุคส่วนตัว เมื่อวันที่ 18 ส.ค.64 กำลังทำให้เกิด "ความหวัง" ว่าในเดือนหน้า เดือนก.ย.นี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส-19 จะดีขึ้น
" หากเราสามารถที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ได้มากกว่านี้ ก็จะสามารถลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตได้มากขึ้น ที่ประชุม ศบค. จึงมีมติให้ขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการออกไปจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ซึ่งหากเราสามารถควบคุมการล็อกดาวน์ได้ดีขึ้นกว่านี้ อาจจะสามารถผ่านจุดสูงสุดของยอดการติดเชื้อได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องได้ในต้นเดือนกันยายน ซึ่งจะทำให้เราสามารถปรับมาตรการการควบคุมและผ่อนคลายกิจการและกิจกรรมบางอย่างได้"
ในท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย และดุเดือดอย่างต่อเนื่อง เมื่อศึกในสภาฯ และนอกสภาฯ ต่างประชิด ติดพันรัฐบาลไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะปัญหาจากการแก้ไขปัญหาโควิด ของรัฐบาลได้ถูกนำไปเป็น "ข้อหา" ให้ "พรรคฝ่ายค้าน" นำมาใช้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจทั่วไป
ขณะเดียวกัน ยังกลายเป็น "ชนวนเหตุ" ที่ทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม ที่เปิดฉากกดดันรัฐบาลมาก่อนหน้านี้ ใช้เป็นเหตุในการชุมนุม อีกทั้งในระหว่างที่ศึกใน -ศึกนอก กลุ้มรุมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง กลับพบว่า ตัวพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในสภาวะที่ "นั่ง" จนผิดปกติ แทบไม่มีการออกมาตอบโต้ใดๆ กับฝ่ายการเมือง แต่เลือกที่จะปรับโหมดการสื่อสาร และสู้กับ "เฟกนิวส์" โดยใช้กลไกที่มีอยู่เดิม ควบคู่ไปกับการตั้ง "ศูนย์บริหารสื่อสารในภาวะวิกฤติ" ดึงคนนอกเข้ามาร่วมทำงาน
นอกจากนี้ ท่าทีต่อการรับมือการชุมนุมที่ยืดเยื้อและได้ปรับกลยุทธ์ มาสู่ "ชุมนุมรายวัน" โดยมี "เยาวชน" อยู่ด่านหน้า ก็ดูเหมือนว่า ฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เลือกใช้วิธี "ประคองสถานการณ์" เพื่อไม่ให้บานปลายเท่านั้น แม้จะไม่ค่อยถูกใจ "กองเชียร์" ฝ่ายรัฐบาลก็ตามทีนัก
หมายความว่าในระหว่างที่สถานการณ์ยังไม่เป็นใจ สำหรับรัฐบาล โดยเฉพาะตัวพล.อ.ประยุทธ์ การเลือกที่จะ "ลดแรงปะทะ" ไม่เปิดแนวรบเพิ่ม น่าจะเป็น "ทางเลือก" ที่ดีที่สุดแต่เมื่อใดที่ "ศึกใหญ่" อย่างวิกฤติโควิด -19 ผ่านจุดที่เรียกว่าวิกฤติหนักไปแล้ว เมื่อใดที่ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ 2565 ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาฯไปเรียบร้อยแล้ว โอกาสที่จะได้เห็นการปรับโหมด จากปีกรัฐบาล จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น !
ดังนั้นหมายความว่า ในห้วงเวลานี้ จึงเป็นโอกาสที่ยังเหลืออยู่สำหรับ "ฝ่ายต่อต้าน" ที่จะต้องเร่งเครื่อง "เขย่า" รัฐบาลให้ได้มากที่สุด เพราะหากรัฐบาล แก้วิกฤติโควิด-19 ให้บรรเทาเบาบางลงได้ สิ่งที่เกิดขึ้นตามมา คือการออกมาตรการต่างๆเพื่อช่วยเหลือ และเยียวยา อีกหลายโครงการจะทยอยออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อถึงเวลานั้น แน่นอนว่า ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะหวังผลให้เกิด "แรงกดดัน" ก็คงไม่ง่ายนัก เช่นเดียวกับที่การชุมนุมบนท้องถนน หากยิ่งเร่งเกม เพิ่มความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง หรือแม้แต่ "มือที่สาม" ก็ตาม แต่ที่สุดแล้วอาจกลายเป็น "ความชอบธรรม" ที่รัฐบาลจะเร่งเป็นฝ่าย "ปิดเกม" ได้ทั้งศึกในและศึกนอก ในคราวเดียวกัน !