และแล้ว "ผลงาน" ของ "มืออาชีพ" อย่าง "เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า บทบาทการนำของ "ผู้ชุมนุม"ในยุคนี้ คงไม่เหมาะสำหรับ "อดีตแกนนำคนเสื้อแดง" ที่เคยฝากผลงานเมื่อปี 2553 อีกต่อไป !
เมื่อการประชุม "15 สิงหา" ที่ผ่านมา ไฮไลต์กลับไม่ได้อยู่ที่การจัดกิจกรรม "คาร์ปาร์ค" ที่ระดมทั้งขบวนรถ และกำลังคนมาร่วมกันแสดงพลังขับไล่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับไปอยู่ที่ "สมรภูมิสามเหลี่ยมดินแดง" จุดปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) กับ กลุ่มผู้ชุมนุมสายฮาร์ดคอร์ ที่มาเพื่อ "ปะทะ"
แม้ณัฐวุฒิ จะพยายามแสดงบทบาทการนำของเขาด้วยการเข้าไปในพื้นที่สามเหลี่ยมดินแดงในช่วงเย็น เมื่อเริ่มเกิดการปะทะกันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตะโกนขอให้ผู้ชุมนุมถอยออกมาเพื่อลดการเผชิญหน้า แต่ภาพที่ปรากฎกลับกลายเป็นว่า ไม่มีผู้ชุมนุมคนใดฟัง หรือสนใจว่าณัฐวุฒิ กำลังทำหรือพูดอะไร จากนั้นในช่วงค่ำไปจนถึงกลางดึก เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชุมนุม ที่มีการพกพาอาวุธเข้าไป จึงเกิดขึ้นซ้ำรอยกับการชุมนุม ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ก่อนที่จะยุติลงในกลางดึก คืนวันเดียวกัน
ในความเป็นจริงแล้ว เชื่อว่า ตัวณัฐวุฒิน่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่า การช่วงชิงมวลชนดึงเอาผู้ชุมนุมเยาวชนที่มีเป้าหมายเหนือไปกว่าการได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกนั้น ได้กลายเป็น "เรื่องยาก" สำหรับเขาไปแล้ว แต่อย่างน้อยนี่คือ "ภารกิจ" ที่เขาได้ดำเนินการไปเรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้ "รับไม้" ต่อจาก "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธานนปช. ซึ่งก็ปลุกม็อบไม่ขึ้นมาแล้วล่าสุด !
ความเคลื่อนไหวทางการเมือง กำลังเข้าสู่โหมดของปฏิบัติการ "ตีโอบล้อม" เพื่อเขย่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ร่วงจากเก้าอี้ หรือ บอบช้ำอย่างที่สุด ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ !
เมื่อม็อบราษฎร นอกสภาฯ เดินหน้าไปสู่รูปแบบ "ปฏิทินม็อบรายวัน" ได้ชัดเจนมากขึ้นตามที่ "บก.ลายจุด" สมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำคาร์ม็อบ ได้เคยระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้ ได้หล่อเลี้ยงกระแสและความรุนแรง ด้วยการ "นัดชุมนุมรายวัน" จัดการชุมนุมขับไล่นายกฯ ถี่ขึ้น
พร้อมกันนี้ อีกไม่เกินปลายเดือนส.ค.จนถึง ต้นเดือนก.ย.หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง "ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ" จะเกิดขึ้นตามที่ "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ภายหลังจากที่รับญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จาก "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" อย่างเป็นทางการ
ญัตติซักฟอก "นายกฯ" พ่วงด้วย "5 รัฐมนตรี" ตามที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติพร้อมด้วย "ข้อหา" เรียงตามรายบุคคลนั้น แทบไม่มีอะไรที่เรียกว่า "เกินความคาดหมาย" แต่ถึงกระนั้นสำหรับพรรคฝ่ายค้านแล้ว ต้องเดินหน้าทำ "พิธีกรรม" ในการซักฟอก นายกฯกับอีก 5 รัฐมนตรีให้บรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะการดึงเกมให้ ม็อบนอกสภาฯ สามารถ "รับลูก" เอาไปขยายแผลให้ได้มากที่สุด !
ปัญหาข้อใหญ่ของ พรรคฝ่ายค้านและ ม็อบนอกสภาฯ ที่ปรับยุทธ์วิธีการชุมนุมรายวัน ปล่อย "สายฮาร์ดคอร์" สร้างความรุนแรง ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชนิดรายวัน นั้นอยู่ที่ว่าปฏิบัติการ "ถล่ม" รัฐบาล โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ นั้นยังต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างสุดกำลัง เพื่อไม่ให้ รัฐบาลสามารถ "ตั้งหลัก" เอาตัวรอดจากห้วงวิกฤติจาก "พิษโควิด-19" จนเป็นฝ่าย "พลิกเกม" กลับมาถือแต้มต่อได้ทันท่วงที !