บนความทุกข์ร้อนแสนสาหัสของพี่น้องประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่กลับมีผู้ฉวยโอกาสในสถานการณ์วิกฤติ ทำมาหากินด้วยการหลอกลวงขายยาปลอม โดยไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยที่รอการรักษา นับเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง
โดยพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเป็นห่วงใยพี่น้องประชาชนในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 มีประชาชนเป็นจำนวนมากหาซื้อผลิตภัณฑ์สมุนไพรฟ้าทะลายโจร ทำให้เกิดความต้องการในท้องตลาดสูง จึงมีมิจฉาชีพหรือผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลอมฉวยโอกาสโดยการโฆษณาขายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรปลอม หรือใช้หมายเลข อย.ปลอม หรือ โฆษณาแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ เกินความจริง ทำให้เข้าใจผิดในสรรพคุณ หรือ ทำให้เข้าใจว่ามีวัตถุใดเป็นส่วนประกอบ ซึ่งความจริงไม่มีวัตถุหรือส่วนประกอบนั้น ในผลิตภัณฑ์สมุนไพร หรือมีแต่มีไม่เท่าที่ทำให้เข้าใจตามที่โฆษณา ฯลฯ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงขอประชาสัมพันธ์ เพื่อเตือนให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรโดยให้เลือกซื้อจากร้านค้าที่มีมาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือและควรตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การอนุญาตผลิตภัณฑ์จากเว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา www.fda.moph.go.th หรือ Oryor Smart Application และตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย www.antifakenew scenter.com เป็นต้น
พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ระบุว่า สำหรับผู้ที่กระทำความผิดในการขายผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรปลอมหรือโฆษณาขายในลักษณะผิดกฎหมายในสื่อ สังคมออนไลน์จะมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทฯ และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีอัตราโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงการหลอกขายยาฟ้าทะลายโจรปลอม หรือแสดงสรรพคุณอันเป็นเท็จ ยังพบการเตือนภัยหลอกขายยาฟาวิพิราเวียร์ปลอมอีกด้วย
เราขอประณามกลุ่มบุคคลที่ดำเนินการดังกล่าว ขอให้หยุดซ้ำเติมวิกฤติของประชาชนและประเทศชาติ