เพจ CARE คิด เคลื่อน ไทย ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.64 แจ้งข่าวแก่บรรดาแฟนคลับของ "โทนี วู๊ดซัม" ว่าวันอังคารที่10 ส.ค.นี้ ของดจัดรายการของ "พี่โทนี" ออกไปเป็นวันที่ 17 ส.ค.เวลาเดิม ทางคลัวเฮ้าส์แทน ระบุตอนหนึ่งว่า "การเว้นระยะเพื่อให้เกิดความคิดถึงกัน เป็นสิ่งสำคัญที่เราคำนึงถึง"
หมายความว่า วันอังคารที่ 10 ส.ค.นี้ พี่โทนี หรือ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี อาจจะหายหน้าหายตาไปจากคลับเฮ้าส์ แต่ใช่ว่า ในโลกความเป็นจริงแล้ว ทักษิณ จะหลบเร้นหายตัวไปแต่อย่างใด แถมล่าสุด "พานทองแท้ ชินวัตร" บุตรชาย ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุคส่วนตัว แจ้งข่าวดีว่า ให้รอพบกับรายการใหม่ THAKSINOFFICIAL เร็วๆนี้ โดยพานทองแท้ยังย้อนวันวานกลับไปเมื่อครั้งที่ทักษิณนั่งเป็นนายกฯแล้วจัดรายการพบปะพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ในชื่อ "นายกทักษิณฯ คุยกับประชาชน"
ต้องยอมรับว่าการรุกหนักในเกมการเมืองตามสไตล์ที่ทักษิณ เชี่ยวชาญในเชิง การตลาดนำการเมือง ซึ่งเคยใช้ได้ผลมาแล้ว เมื่อครั้งที่พรรคไทยรักไทย ผงาดขึ้นเป็นรัฐบาล มีทักษิณ เป็นนายกฯ เมื่อ กว่า15ปีที่ผ่านมา
และเมื่อวันนี้ ในยามที่รัฐบาลของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ในภาวะมะรุมมะตุ้มอยู่กับการรับมือศึกใหญ่ อย่าง "วิกฤติโควิด-19" แถมยังพัลวันไปกับแรงต่อต้านจาก "ฝั่งตรงข้าม" อย่างต่อเนื่อง
ทั้งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จาก "ฝ่ายค้าน" ผสมปนเปไปกับการเคลื่อนไหวขับไล่จาก "ม็อบราษฎร" จนเกิดภาพความรุนแรง ขยายวงความขัดแย้งระหว่างผู้คนในสังคมอย่างกว้างขวาง อีกทั้งปัญหาใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้คือการทำงานเชิงรุกในการประชาสัมพันธ์ และการรับมือกับ "ข่าวปลอม" จนทำให้ต้องกลายเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่าเปิดเกมรุก
ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงเป็นโอกาสที่ทักษิณ จะเลือกไทม์มิ่งเปิด "แนวรบ" รุกรัฐบาลด้วยช่องทางที่เขาเองถนัดและเชี่ยวชาญกว่า แม้ในด้านหนึ่ง ทักษิณ และแนวร่วมเองต้องรับแรงกดดันจาก "แนวร่วมม็อบราษฎร" ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของทักษิณ ทั้งการไม่เออออกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรง การประกาศบุกไปพระบรมมหาราชวังก่อนเปลี่ยนแผน เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา หรือแม้แต่การที่ทักษิณเอง ถูกแนวร่วมม็อบราษฎรโจมตีว่า "สู้ไป กราบไป" ผ่านหน้าเพจเฟซบุคอย่างดุเดือดก็ตาม
อย่างไรก็ดี แต่ดูเหมือนว่านาทีนี้ทักษิณ ได้ทำการรุกคืบบุกเข้ามาในแดนของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยการชิงมวลชนโดยใช้ช่องทางโซเชี่ยล ขณะเดียวกัน ยังน่าสนใจว่า "ลูกน้อง" ในคาถาของเขา ทั้ง "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำนปช. และ "วรชัย เหมะ" แกนนำคนเสื้อแดงปากน้ำ รวมถึงคนเสื้อแดงในจังหวัดต่างๆ เลือกที่จะเคลื่อนไหวในลักษณะที่เรียกว่า "คาร์ม็อบ" ปล่อยให้ "ม็อบ7สิงหา" ที่นำหน้าโดยแกนนำกลุ่มราษฎร นำทัพจนถูกโจมตี กลายเป็น "จำเลยสังคม" เมื่อเกิดภาพการใช้อาวุธ การใช้ความรุนแรง ไปจนถึงการบุกทำลายสถานที่ต่างๆ สร้างความเสียหายตามจุดต่างๆในกทม.ที่ผ่านมา
การกลับมาใช้ยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า "เดินสองขา" ของทักษิณ ทั้งการรุกในโซเชี่ยล ควบคู่ไปกับการออกมาเคลื่อนไหว ของ "คนเสื้อแดง" ผ่าน "ลูกน้องเก่า" ทั้ง ณัฐวุฒิ และวรชัย เพื่อโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะกลายเป็น ยุทธศาสตร์ที่น่าจับตาไม่น้อย เพราะไม่ว่าที่สุดแล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะลุกจากเก้าอี้นายกฯหรือไม่ก็ตาม แต่อย่างน้อย การเคลื่อนไหวของทักษิณ และคนเสื้อแดงครั้งนี้ ยัง "เปิดทางหนี"ให้กับตัวเอง และยังเสียหายน้อยที่สุด !