เมื่อการเคลื่อนไหวที่ประกาศนัดหมายของ มวลชนในนาม "ม็อบราษฎร" เอาไว้ในวันที่ 7 ส.ค.64 นี้ปักหมุดรวมพลกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง กำลังถูกทำให้เป็น "บิ๊กอีเว้นท์" โดยแกนนำเยาวชนกลุ่มราษฎร และแนวร่วมที่ยังอยู่ในระหว่างการได้ประกันตัว โลดแล่นอยู่นอกเรือนจำต้องขึ้นมารับบทสำคัญ เพราะไม่เช่นนั้น ม็อบราษฎร อาจปลุกไม่ขึ้น ! เมื่อประกาศแล้วว่าจะรวมพลกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนมุ่งหน้าไปชุมนุมกันที่พระบรมมหาราชวัง จึงกลายเป็นเหมือน การจงใจยั่วยุ กลุ่มประชาชนที่รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะไม่อาจยอมรับกับการจาบจ้วงสถาบันด้วยการประกาศบุกสถานที่สำคัญ ล่าสุด "ประชาชนปกป้องสถาบัน" ประกาศเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 4 ส.ค.ว่าถ้าม็อบราษฎร ออกมาวันที่ 7 พวกเขาก็จะออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสถาบัน ด้วยเช่นกัน การจงใจโหมโรงให้บรรยากาศในบ้านเมืองตกอยู่ในความร้อนแรง จากม็อบราษฎร ที่ประกาศเคลื่อนไหวในลักษณะจาบจ้วง ดูหมิ่นสถาบัน เพราะรู้ดีว่า นี่คือ "จุดเปราะบาง" ที่กระทบต่อความรู้สึกของผู้คนมากที่สุด และที่สำคัญยังเป็นการ ยั่วยุที่จะทำให้ทั้ง "ฝ่ายความมั่นคง" และประชาชนที่รักสถาบันเข้าถึง "จุดแตกหัก" ได้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้น หากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวในลักษณะจาบจ้วง พุ่งเป้าโจมตีไปยังสถาบันพระมหากษัตริย์ มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง โดยที่ฝ่ายความมั่นคง เลือกใช้วิธีการ "ตั้งรับ" มากกว่าที่จะ "รุกไล่" จนสร้างความไม่พอใจ ให้กับ ฝ่ายรักสถาบัน จนหันมาตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแทน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ รัฐบาลไม่ต้องการใช้ความรุนแรง เข้าดำเนินการ เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลาย ระหว่างที่เรายังเผชิญหน้ากับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อยู่แล้ว ดังนั้น การเคลื่อนไหวของม็อบราษฎร หลายครั้งที่ผ่านมาจึงยังดำเนินได้ต่อไป จนมาถึงวันนี้แม้จะมีคำสั่งห้ามการชุมนุม มั่วสุมเกินกว่า 5 คนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ที่ลงนามโดย "ผู้บัญชาการทหารสูงสุด" เมื่อคืนวันที่ 3ส.ค.ที่ผ่านมาเป็นฉบับล่าสุดแล้วก็ตาม ทั้งนี้การเคลื่อนไหวของม็อบราษฎรที่พยายามดึงการเมืองให้เข้าสู่โซนที่เต็มไปด้วยความอ่อนไหว ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ยังน่าสนใจว่าแม้ล่าสุด "ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)จะประกาศแล้วว่า "ไม่ไปเข้าร่วม" ก็ตาม แต่ใช่ว่า "ฝ่ายความมั่นคง" จะวางใจได้ เพราะอย่าลืมว่าวันนี้ "การข่าว" ของทั้งตำรวจและทหาร ต่างทำงานเกาะติดแกนนำทั้งม็อบราษฎร และคนเสื้อแดง ไม่เพียงแต่ เต้น ณัฐวุฒิ เท่านั้น เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่ "นอกเหนือความคาดหมาย" มี "มือที่สาม" อาศัยจังหวะ "สร้างสถานการณ์" อย่างใด อย่างหนึ่งขึ้น ! อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวทางการเมืองของม็อบราษฎร และคนเสื้อแดง ที่มี ณัฐวุฒิ รับบัญชาจาก "นายใหญ่" ให้มารับไม้ต่อจาก "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธานนปช. หลังจากที่ จตุพร ปลุกม็อบไม่ขึ้น ใช้งานไม่ได้ดั่งใจ ยังเป็นเกมที่ต้องมองกันยาวๆ ต่อไป เพราะอย่าลืมว่า ม็อบราษฎรเองที่ลงทุน ลงแรงขับไล่นายกรัฐมนตรี โจมตจีสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นแรมปี จนแกนนำถูกดำเนินคดีกันไปแล้วถ้วนหน้า ย่อมไม่ต้องการให้เกิดการฉกฉวยเอามวลชนที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือ ไปเรียกร้องเคลื่อนไหวเพื่อตอบสนองให้กับ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ อย่างแน่นอน !