การเปิดศึกหลายทาง ไม่ควรเกิดขึ้น หากยังไม่มั่นใจถึงชัยชนะ การเปิดศึกหลาย ยังไม่ควรเกิดขึ้น หากรู้ว่า สุดท้ายแล้วต้องต่ออย่างสู้อย่างเดียวดาย มิหนำซ้ำหากยิ่งเป็นการเปิดศึกกับ "แนวร่วม" จากคนกันเอง ยิ่งไม่ต่างไปจากการโดดเดี่ยวตัวเองโดยใช่เหตุ !
การเปิดวิวาทะจาก "2พรรคฝ่ายค้าน" ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ระหว่าง "พรรคก้าวไกล" กับ "พรรคเพื่อไทย" เมื่อเกิดความเห็นขัดแย้ง สวนทางกันสิ้นเชิง ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2565
เมื่อส.ส.พรรคก้าวไกล ดาหน้าออกมาโจมตีส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่นั่งทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ ในท่วงทำนองว่า "สมรู้ร่วมคิด" กับ "พรรคพลังประชารัฐ" พรรคแกนนำรัฐบาล ด้วยการโหวตลงมติเห็นด้วยให้เพิ่มงบประมาณที่ได้จากการปรับลด จำนวน 16,362 ล้านบาท ไปไว้ที่งบกลาง แม้พรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าเป็นการโอนงบประมาณเพื่อให้รัฐบาลนำไปแก้ไขปัญหาโรคโควิด และช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีก็ตาม
แต่ในสายตาของส.ส.พรรคก้าวไกลมองว่า นี่คือการตีเช็คเปล่า ให้กับ รัฐบาลของ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือไม่ "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความผ่าน @wirojlak ว่า "ตัดดงบเรือดำน้ำ จากนั้นก็ยกมือโหวตเอางบที่ตัดได้ ไปไว้ที่งบกลางของ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็บอกว่า เดี๋ยวจะตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ แล้วก็บอกอีกว่า จะอดทน อดกลั้น นินจาน่ะ จะต้องไม่ไขว่คว้าหาเหตุผลในการดำรงอยู่ของตัวเอง แต่ต้องใช้ชีวิตในฐานะเครื่องมือของแคว้นนั่นแหละ ที่สำคัญสุด ต้องต่อสู้กันแบบดุเดือด ยิงกันอุตลุด กว่าจะยึดเอาทรัพย์จากโจรลูกสมุนมาได้ พอตกกลางคืน ดันเอาทรัพย์ที่ยึดได้ ไปคืนให้กับหัวหน้าโจร ซะงั้น เจ็บน่ะดีแล้ว มันเป็นสิ่งยืนยันว่า ยังไม่ตาย"
แน่นอนว่างานนี้ พรรคเพื่อไทย ไม่มีทางยอมนิ่งเฉยให้พรรคก้าวไกล เปิดฉากถล่มได้ฝ่ายเดียว " ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร" ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ ฯ ออกมาสวนกลับในวันเดียวกันว่า งบกลางนี้ ไม่ได้นำไปซื้ออาวุธหรือสร้างถนนหรือแก้ไขปัญหาภัยแล้ง แต่งบกลางที่สำนักงบประมาณขอมาตอนแรกคือ 50,000 ล้านบาท ได้เขียนไว้ชัดเจนว่าเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19
"พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการช่วยเหลือชีวิตคนเป็นเรื่องสำคัญ และเงินงบกลางส่วนนี้จะใช้ได้เฉพาะเรื่องโควิดเท่านั้น ถามว่านายกฯ จะเอาไปซื้ออาวุธหรือรถถังได้หรืออย่างไร เวลาพูดไม่ใช่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น พรรคเพื่อไทยมีจุดยืนชัดเจน ใครเป็นคนไปต่อสู้ล้มเรือดำน้ำ จนสามารถปรับลดงบประมาณได้เป็นจำนวนมาก ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยหรือ"
ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากการพิจารณางบประมาณฯ65 ยังไม่ใช่ เรื่องสุดท้ายที่พรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย จะเปิดศึกต่อกัน เพราะอย่าลืมว่า วาระที่มีความสลักสำคัญและส่งผลชี้เป็นชี้ตายต่อการเลือกตั้งครั้งหน้ายังอยู่ที่ "เกมแก้รัฐธรรมนูญ" ซึ่งแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มีความเห็นแย้งกันในประเด็นที่ว่าด้วยบัตรเลือกตั้ง 2ใบ เพราะเป็นรูปแบบที่พรรคก้าวไกลค้านสุดตัว !
อย่างไรก็ดี ในความเป็นจริงแล้วสัมพันธภาพระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยนั้น ใช่ว่าจะอยู่ในจุดที่เข้มแข็ง ในทางตรงกันข้ามลึกๆแล้วพรรคก้าวไกลเองก็รู้ดีว่า พรรคกำลังต่อสู้อยู่ตามลำพัง และในการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะยังใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวตามที่พรรคก้าวไกลต้องการ ก็ใช่ว่า พรรคจะพาส.ส.เข้าสภาฯ มาได้จำนวนมาก เหมือนเมื่อคราวที่ "พรรคอนาคตใหม่" เคยสร้างประวัติศาสตร์ พรรคหน้าใหม่เคยทำเอาไว้ได้ถึง 80 ที่นั่งในสภาฯ
มิหนำซ้ำเมื่อ ภาพวันนี้พรรคก้าวไกล ยังถูกเชื่อมโยงเป็น "เนื้อเดียวกับ" มวลชนที่เคลื่อนไหวอยู่นอกสภาฯ ชูข้อเรียกร้องที่เปราะบาง ว่าด้วยการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ยิ่งกลายเป็นเงื่อนไขบีบให้พรรคก้าวไกล ยิ่งถูกโดดเดี่ยว อย่างไม่ต้องสงสัย !!