ในท่ามกลางกระแสการเมืองที่เชี่ยวกราก "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ "แม่ทัพ" นำสู้ศึก "ไวรัสโควิด" ในยาม ผู้อำนวยการศบค.ต้องรับมือกับ "ศึกหลายทาง" !
ไหนบรรดาม็อบสารพัดหมู่ สารพัดกลุ่ม เหมือนมวยคนละรุ่น ก็ยังใช้จังหวะที่ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ เข้าซ้ำเติมปลุกระดมมวลชนให้ออกมาเคลื่อนไหวบนท้องถนน ก้าวข้ามมาตรการควบคุมไวรัสโควิด -19ประหนึ่งว่า ไม่กลัวเจ็บ กลัวตายถ้ายังขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ออกจากตำแหน่งไม่สำเร็จ
ไหนอีกทางหนึ่ง พรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยังตั้งท่า เตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในราวกลางเดือนส.ค.นี้เพื่อหวังว่าจะไปลงล็อคกับห้วงเวลาดี ในเดือนก.ย.ได้ชำแหละรัฐบาล ทิ้งทวนก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในเดือนก.ย.นี้
ทั้งนี้ เสียงเรียกร้อง ให้ "3พรรคร่วมรัฐบาล" ตัดสินใจ "ถอนตัว" จากการร่วมรัฐบาล สละเรือหนี "กัปตันประยุทธ์" จาก "ฝั่งตรงข้าม" ทั้งม็อบราษฎร ที่บัดนี้ได้ "มืออาชีพรุ่นพี่" อย่าง "เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ที่เคยปลุกระดมพี่น้องคนเสื้อแดงให้ออกมาชุมนุมเผาเมืองในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชีวะ กำลังรีเทิร์น กลับมาสร้างผลงานครั้งใหม่
ทว่าการรับมือกับม็อบทั้งจากม็อบเยาวชน และม็อบคนเสื้อแดงที่ถูกปลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวโดยมีเต้น ณัฐวุฒิ ออกมารับไม้ต่อจาก "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. อาจไม่ใช่ "เรื่องใหญ่" สำหรับรัฐบาล เมื่อเทียบกับวิกฤตจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่กำลังโจมตี รัฐบาลทั้งคณะ อย่างรุนแรง จนทำให้รัฐบาลยังไม่สามารถพลิกเกมตั้งหลักสู้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
สถานการณ์ของรัฐบาล วันนี้จึงไม่ต่างไปจากเรือเหล็กที่ยังเกยตื้น ติดหล่ม ซึ่งมาจากปัญหาการประเมินสถานการณ์ความรุนแรงของไวรัสโควิด ที่ต่ำเกินไป และเชื่อมั่นว่าจะ "เอาอยู่" เหมือนในระลอกแรก ยิ่งเมื่อมาเผชิญกับการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ประกอบกับการจัดหาวัคซีน เพื่อระดมฉีดให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะบุคลากรการแพทย์ ที่เป็นด่านหน้าไม่ทันการณ์ จึงยิ่งกลายเป็นการซ้ำเติม ให้เลวร้ายมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงกระนั้นใช่ว่าการออกมากดดันจากมวลชนบนท้องถนน หรือเสียงเรียกร้องจากฝ่ายการเมืองให้พรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัว ทิ้ง "บิ๊กตู่" จะสัมฤทธิ์ผล เพราะในความเป็นจริงแล้วแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกคน ทุกพรรครู้ดีว่า การกระโดดออกจากเรือในยามบ้านเมืองวิกฤตินั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกอย่างนั้นหรือ มิหนำซ้ำ ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจจะเสียหายอย่างหนัก
สิ่งที่ "วราวุธ ศิลปอาชา" รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา อธิบายกับสื่อคือภาพสะท้อนที่ชัดเจน
" ตอนนี้เรือฝ่าพายุอยู่โดดออกไปก็ไม่ได้แปลว่าพายุหาย มิหนำซ้ำอาจจะตายกลางพายุเหมือนกัน เรือก็จะพังทั้งลำ ฉะนั้นวันนี้ เรายังยืนหยัดทำงานเคียงข้างนายกฯ ให้การสนับสนุนเพื่อให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤตไปได้"
เอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้ไม่ว่าจะเกิดรอยร้าวอยู่ลึกๆกันบ้างก็ตามที แต่แน่นอนว่าการเลือกอยู่ในฐานะฝ่ายบริหาร ย่อมยังประโยชน์ กว่าที่จะไหลไปตามเสียงเชียร์ที่ไร้น้ำหนัก !