อยู่ดีๆ ก็ปรากฎ "ผู้เล่นหน้าเก่า" ที่โดดลงไปเล่นผสมโรงกับ "ม็อบรุ่นใหม่" จนเกิดคำถามว่า นาทีนี้ "ใครโหนใคร" กันแน่!? การปรากฎตัวของ "เต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) สวมเสื้อแดง ที่เขียนว่า "ไพร่" ไปร่วมนำขบวนในอีเว้นท์การเมืองล่าสุด เมื่อวันที่ 1ส.ค.64 ที่ผ่านมา ใน "คาร์ม็อบ" เพื่อขับไล่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมกับ "สมบัติ บุญงามอนงค์" หรือ บก.ลายจุด หนึ่งในแนวร่วมม็อบราษฎร และ "ไผ่ ดาวดิน" จตุภัทร บุญภัทรรักษา แกนนำกลุ่มทะลุฟ้า และ "เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมในมุมของคนรุ่นใหม่ ที่ยังไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสกับการเคลื่อนไหวของ "ม็อบเสื้อแดง" ในปี 2553 ย่อมรู้สึกตื่นเต้น และฮึกเหิม
เสมือนว่าจากนี้ไปปฏิบัติการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ คงเข้าใกล้ "จุดหมาย" ในเร็ววัน แต่สำหรับ "กองเชียร์" ของรัฐบาล อย่าง "แรมโบ้อีสาน" สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เคยร่วมรบด้วยกันมา ต่างเคยเป็น "มือทำงาน" ในภาคสนามให้กับ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ ในอดีตมาก่อน ย่อมมองณัฐวุฒิ ด้วยสายตาที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง !
"กระบวนการนี้เป็นแผนการของคนอยากมีอำนาจรัฐอยากเปลี่ยนการปกครองประเทศเป็นอย่างอื่น รวมถึงนายณัฐวุฒิ เองก็อยากมีอำนาจ อยากได้รางวัลใหญ่จากนายทักษิณ อยากกลับมาเป็นรัฐมนตรีอีก ซึ่งเคยทำสำเร็จมาแล้ว โดยไม่สนใจความเป็นความตายของประชาชน พร้อมจะก้าวข้ามเหยียบย่ำศพมวลชนขึ้นไปเป็นใหญ่ได้ทุกเวลา คนเช่นนี้ไว้ใจไม่ได้ ไม่ควรที่จะเข้าไปร่วมในการชุมนุมด้วยเพราะเป้าหมายของเขาต้องการเป็นใหญ่ และสู้แล้วรวยเท่านั้น เหมือนที่ได้รับโบนัสใหญ่โตมาแล้ว สุดท้ายคนที่ชอกช้ำหัวใจคือ มวลชนคนเสื้อแดง ที่ถูกหลอกเจ็บแล้วจึงต้องจำ "
แน่นอนว่าเสียงเตือนจาก สุภรณ์ คนที่เคยรักทักษิณ แต่บัดนี้เปลี่ยนข้าง ย้ายขั้วไปสังกัด พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมถูกแย้งว่า "ฟังไม่ขึ้น" เพราะเป็นเสียงจากฝ่ายตรงข้าม แต่ทว่าในความเป็นจริงแล้วต้องไม่ลืมว่า ณัฐวุฒิ คือมือทำงานที่ฟังอดีตนายกฯทักษิณ มากกว่าที่จะออกมาเคลื่อนไหว ยอมเล่นบทเดิมๆเพื่อสุ่มเสี่ยงต่อคดีความเพื่อสนับสนุนแนวทางของ "ม็อบราษฎร" ที่มีแนวคิดปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ก่อนหน้านี้ "ตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. เคยออกมาปลุกระดมมวลชนให้ร่วมกันขับไล่พล.อ.ประยุทธ์มาแล้ว แต่ไม่สำเร็จ จนถูกเย้ยหยันว่า แกนนำระดับ จตุพร นั้นไม่มีความขลังอีกต่อไป จากนั้นจึงเป็นคิวของณัฐวุฒิ ที่จะต้องออกมา "รับไม้ต่อ"
แต่เป็นการรับไม้ในห้วงเวลาที่ม็อบราษฎรได้พากัน "ออกแรง" ปลุกมวลชนเอาไว้อยู่แล้ว จึงดูเหมือนว่า แท้จริงแล้ว ณัฐวุฒิ กำลังโดดเข้ามาโหนม็อบเยาวชน แล้วดึง "คนเสื้อแดง" ให้ออกมาร่วม "ผสมโรง" จนทำให้เกิดคำถามวนกลับไปว่า แท้จริงแล้ว การมาของณัฐวุฒิ และคนเสื้อแดง ใน คาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา จนในท้ายที่สุดเกิดเหตุการณ์ผู้ชุมนุมบางส่วน ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนฝ่ายหลังต้องใช้กระสุนยาง ก๊าซน้ำตา และรถฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าสกัดความวุ่นวาย ที่หน้าโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ถนนวิภาวดี -รังสิต ฝั่งขาออก หลังจากที่ผู้ชุมนุมพากันขว้างปาก้อนอิฐ ขวด และประทัดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
การออกมาเคลื่อนไหวของณัฐวุฒิ ครั้งนี้ดูเหมือนว่าได้ทำให้เกิดคำถามตามมาว่าที่ออกแรง ลงทุนโดดเข้าร่วมกับ "ม็อบเด็ก" ร่วมกันไล่พล.อ.ประยุทธ์ อย่างดุเดือด ทำคะแนนได้ดีกว่า จตุพร เช่นนี้ เพื่อต้องการ "เบิกทาง" ให้กับ "ใคร" และ ม็อบราษฎร จะไม่ใช่เครื่องมือ ของ "ม็อบรุ่นพี่" ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว สู้จนได้เก้าอี้รัฐมนตรี มาแล้วหรือ ?