ไม่เกินความคาดหมายนัก ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. จะมีมติเห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 หรือล็อกดาวน์ ออกไปถึงวันที่ 31 สิงหาคมนี้ พร้อมปรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม จาก 13 จังหวัด เป็น 29 จังหวัด โดยเพิ่ม จ.กาญจนบุรี จ.ตาก จ.นครนายก จ.นครราชสีมา จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.ปราจีนบุรี จ.เพชรบุรี จ.เพชรบูรณ์ จ.ระยอง จ.ราชบุรี จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.สมุทรสงคราม จ.สระบุรี จ.สุพรรณบุรี และ จ.อ่างทอง ในความเห็นของ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เสนอแนวคิดเรื่องการล็อกดาวน์ทั้งประเทศมาตลอด มองว่า หาก ไม่ได้ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ คงยากที่จะตัดวงจรการระบาดของประเทศได้ แต่จะมีโอกาสติดเชื้อแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ โดยก่อนหน้านี้น.พ.ธีระ เสนอให้มุ่งตัดวงจรการระบาดอย่างเด็ดขาดโดยเร็ว" เพราะหากเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ประชาชนจำนวนมากอาจยืนระยะในการดำรงชีวิตไม่ไหว ควรพิจารณาดำเนินการทำ Full national lockdown 4 สัปดาห์ พร้อมปูพรมตรวจ และเยียวยาช่วยเหลือ ประคับประคองเรื่องอาหาร น้ำดื่ม ที่พักพิง แก่ประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อศบค.ตัดสินใจไม่ล็อกดาวน์ทั้งประเทศ แต่ขยายระยะเวลาและขยายพื้นที่เพิ่มเติมแทนนั้น ในมุมมองของนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ได้เสนอ 4 มาตรการในการล็อกดาวน์รอบใหม่ไว้น่าสนใจว่า 1.ไม่ควรล็อกดาวน์ยาวแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา ควรกำหนดระยะเวลา ถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นค่อยขยายเวลาออกไป 2.เมื่อ ศบค. เลือกล็อกดาวน์รอบใหม่ ควรลดมาตรการควบคุมที่ไม่เกิดผลมากนักและไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีการแพร่ระบาดมากขึ้น เพราะถ้ายังมีมาตรการควบคุมที่ไม่ได้ช่วยควบคุมการแพร่ระบาดมากนัก จะทำให้เศรษฐกิจและธุรกิจมีปัญหามากขึ้น 3.ควรใช้มาตรการเชิงรุกที่จริงจังมากขึ้น เข้าชุมชนแออัดให้ทั่วถึงเพื่อตรวจหาเชื้อ ฉีดวัคซีน และวางแนวทางป้องกันผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังไม่ให้ติดเชื้อ เพราะถ้าคนกลุ่มนี้ติดเชื้อมักจะมีอาการหนักอยู่ในกลุ่มสีเหลืองหรือสีแดง จะหาเตียงรักษาลำบาก 4.ระดมทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ดูแลตนเองอยู่ที่บ้านและไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงครอบครัวและตัวเองได้ กระนั้น เราเห็นว่า หากสิ้นเดือนสิงหาคม ยังไม่สามารถหยุดการระบาดได้ โอกาสในการจะขยายล็อกดาวน์ต่อไปย่อมมีสูง แต่ความอดทนและกระแสต่อต้านการล็อกดาวน์จะเป็นอีกตัวแปรที่อาจทำให้เป็นอุปสรรค์ต่อการบริหารจัดการการแพร่ระบาด ฉะนั้น ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ ต้องมีประสิทธิผลที่เป็นรูปธรรมจากการล็อกดาวน์ แสดงให้ประชาชนเห็น และสามารถจับต้องได้ ไม่อย่างนั้นลำบาก