ดูเหมือนว่า บรรยากาศรอบทิศรอบทาง ข้างกาย "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในยามนี้แทบไม่มีอะไร "เป็นใจ" นัก เพราะยิ่งนานวัน เมื่อรัฐบาลต้องรับมือกับ "สงครามโควิด" อันยืดเยื้อ ยิ่งเผยให้เห็นถึงสารพัดปัญหาที่ผิดพลาด จากการบริหารจัดการ ไปจนถึงการประเมินสถานการณ์ของรัฐบาล ยิ่งเหมือนเป็นการ "ขยายบาดแผล" ให้รุนแรงมากขึ้น ! วันนี้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เพียงแต่จะต้องรับมือกับ "ฝ่ายตรงข้าม" ทั้งที่เป็น พรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาฯ หรือ "ม็อบราษฎร" มวลชนที่เคลื่อนไหวบนท้องถนนเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่า มีผู้คนในสังคมไม่น้อย ที่พากันเคลื่อนไหว Call out เปิดหน้าเปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์ ไปจนถึง "ดูหมิ่น ก้าวร้าว เสียดสี" ตัวผู้นำรัฐบาล กันอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะศิลปิน ดารา ที่พาเหรดใช้สื่อโซเชียลกระแทกนายกฯและรัฐบาล "ชนิดรายวัน" นั่นหมายความว่า ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลกำลัง "ขยายแนวรบ" ได้เพิ่มเติม โดยอาศัย ความผิดพลาด ล้มเหลวจากการบริหารสถานการณ์โควิด ชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องออกแรง ลงไปเคลื่อนไหว ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ บนท้องถนน ให้เปลืองแรง เพราะวันนี้กำลังพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความไม่พอใจของผู้คนที่พากันออกมา Call out ผ่านโซเชียลนั้น มีพลังมากน้อยแค่ไหน ยิ่งเมื่อ "สนธิญา สวัสดี" ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชนสภาผู้แทนราษฎร และอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อให้ตั้งคณะกรรมการติดตาม กำกับ ดูแล ตรวจสอบกรณีการ Call out ของดารา นักร้อง และผู้มีชื่อเสียง เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดต่อ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ร.ก.สถานการณ์การบริหารในสถานการณ์ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ยิ่งเป็นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนกองไฟ ปลุกความไม่พอใจของฝั่งที่ไม่พอใจรัฐบาล ให้โหมหนักมากขึ้น จนล่าสุด "บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรคพลังประชารัฐ ต้องรีบออกมายืนยันว่า สนธิญา นั้นไม่ใช่คนของพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นเรื่องไปแจ้งความเอาผิดดารา จึงไม่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะอย่าลืมว่าพรรคพลังประชารัฐ มีความเชื่อมโยงกับตัวพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ! การรับแรงปะทะจากสังคม และฝ่ายการเมืองสำหรับรัฐบาล ในห้วงสถานการณ์ ที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องยืนระยะสู้กับวิกฤติโควิด -19 อาจกลายเป็น "ปัจจัย" ที่บั่นทอนการดำรงอยู่ของรัฐบาล ที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น การอยู่ต่อของรัฐบาลที่ช่วงครึ่งเทอมหลัง จึงเต็มไปด้วยความยุ่งยาก วุ่นวาย ลดทอนความเชื่อมั่น จนที่สุดแล้วจึงกลายเป็น "จุดอ่อน" ที่พล.อ.ประยุทธ์ เองกำลังรับศึกหนักอยู่ตามลำพังหรือไม่ ? กระแสวันนี้นอกเหนือไปจากการพุ่งเป้าโค่นล้มพล.อ.ประยุทธ์ จึงแปรเปลี่ยนจาก "จุดแข็ง" ประจำรัฐบาล เพื่อให้กลายเป็น "จุดเปราะบาง" กำลังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ผสมปนเปไปกับกระแสข่าวว่า การเลือกตั้งรอบหน้า พรรคพลังประชารัฐ อาจจะต้องเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯคนใหม่ แทนพล.อ.ประยุทธ์ เสียแล้ว เพราะยิ่งอยู่ยาว ก็ยิ่งช้ำ อย่างที่เห็น จึงแรงขึ้นต่อเนื่อง ไม่มีแผ่ว !