จากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ล่าสุดที่มีการล็อกดาวน์ในพื้นที่ 10 จังหวัดสีแดงเข้ม กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี ได้ออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานในระบบประกันสังคม และนอกระบบประกันสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการปิดกิจการและมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด รวม 9 กิจการ อีกทั้งได้ออกมาตรการช่วยเหลือเรื่องลดค่าน้ำ ค่าไฟ 2 เดือน หรือระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม แต่ที่ตอบโจทย์มากที่สุด คือการที่ธนาคารแห่งประเทศได้จับมือสมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ ออกมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เพื่อช่วยเหลือด้านการเงินเพิ่มเติมให้แก่ลูกจ้างและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและทันการณ์ จึงเห็นร่วมกันที่จะออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ให้แก่ ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือน ให้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง โดยลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือ ลูกหนี้ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างในสถานประกอบการ ทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป โดยเมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้ สำหรับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยอ้อม คือ ลูกหนี้ที่ยังเปิดกิจการได้ แต่รายได้ลดลงจากมาตรการควบคุมการระบาดของภาครัฐ สถาบันการเงินจะพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่ลูกหนี้ตามความจำเป็นและสอดคล้องกับสถานการณ์ของลูกหนี้ ทั้งนี้การให้ความช่วยเหลือตามแนวทางข้างต้น ลูกหนี้สามารถติดต่อกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้เพื่อแสดงความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ถือเป็นการเยียวยาที่มาถูกทาง เนื่องจากที่ผ่านมาแม้จะมีเงินช่วยเหลือผู้ประกอบการและลูกจ้างแล้ว แต่ยังมีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนชำระกับทางสถาบันการเงิน ทำให้ประสบปัญหาวิกฤติซ้ำซ้อน การพักหนี้แม้จะเป็นการเลื่อนการชำระออกไป ภาระหนี้ยังคงอยู่แต่ก็เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและต่อลมหายใจให้บรรดาลูกหนี้อีกเฮือก ด้วยวิกฤติโควิดนี้ยังต้องสู่กันอีกยาว ขณะที่ล็อกดาวน์ก็ต้องลุ้นว่าจะมีภาคต่อหรือไม่