เมื่อเป็น "ฝ่ายค้าน" จะให้ไปเออออ เห็นดีเห็นงามกับ "รัฐบาล" ก็ดูเหมือนว่าจะเรื่องที่แปลกประหลาดไม่น้อย จะด้วยเพราะ "สถานะ" หรือ "บทบาท" หรือแม้แต่การชิงไหวชิงพริบ เอาชนะกันทางการเมืองหรือไม่ก็ตามที !
แต่นาทีนี้เมื่อมองเห็นแล้วว่า รัฐบาลที่มี "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม กำลังซวนเซจาก "ศึกโควิด" หวุดหวิด จวนเจียนจะล้มอยู่ร่อมร่อ พรรคฝ่ายค้านล่าสุดจึงมีมติให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามมาตรา 151 โดยมีการลงมติ
12 ก.ค.ที่ผ่านมา มีความชัดเจนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านที่มี "พรรคเพื่อไทย" เป็นหัวหอกสำคัญได้ประชุมผ่านระบบzoom เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนมีมติออกมาร่วมกัน ว่า " มีความจำเป็นต้องดำเนินการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ในช่วงเวลาที่เหมาะสม" รวมทั้งยังน่าสนใจว่าฝ่ายค้านเสนอว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะเป็นในลักษณะ การอภิปรายไม่ไว้วางใจร่วมกันระหว่างพี่น้องประชาชน ข้าราชการ และพรรคร่วมฝ่ายค้าน
หมายความว่า การซักฟอกรัฐบาล ตั้งแต่หัวหน้าคณะอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ไปจนถึงรัฐมนตรีที่จะมีการเคาะรายชื่อกันตามมาจากนี้ จะไม่ใช่หน้าที่เฉพาะ "พรรคฝ่ายค้าน" เท่านั้นอีกต่อไป แต่จะดึง ประชาชนให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ทั้งนั้นทั้งนี้ ทั้งวัน ว. เวลา น.ว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีมติยื่นญัตติซักฟอกเมื่อใด และจะใช้รูปแบบใดที่จะดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมนั้น จะชัดเจนอีกครั้งเมื่อมีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากเวลานี้ต้องเว้นวรรค การประชุมสภาฯออกไปก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน เลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19
อย่างไรก็ดี การเลือกถล่มรัฐบาล โดย "พรรคร่วมฝ่ายค้าน" ด้วยการใช้กลไกในสภาฯ ผ่านการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเพื่อลงมติ ตามมาตรา 151 นั้นแน่นอนว่า แม้ "แผนการเล่น" จะน่าสนใจไม่น้อย
แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังต้องขึ้นอยู่กับ "จังหวะเวลา" ด้วยว่า เมื่อวันที่ ฝ่ายค้านรวมพลังกันชำแหละรัฐบาล โดยเฉพาะการพุ่งเป้าไปที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลแต่กลับบริหารนโยบายการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ล้มเหลว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ เข้าอย่างจังนั้น จะมีขึ้นได้เมื่อใด ?
หากการตีเหล็ก ต้องตีเมื่อยามร้อน แล้วการเปิดแผลถล่มรัฐบาล ชำแหละให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในการบริหารจัดการ "วิกฤติโควิด" ถ้ามีขึ้นในวันนี้ พรุ่งนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ และครม.ทั้งคณะย่อมตกอยู่ในสภาพ "อยู่ได้ยาก" กันถ้วนหน้า !
แต่หากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีขึ้นในช่วงก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ ในราวเดือน ก.ย. จากนี้ไปอีกเกือบ 2 เดือน แล้วรัฐบาลสามารถพลิกวิกฤติ เร่งระดมฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่วางเอาไว้ 50ล้านคนก่อนสิ้นปี 2564 รวมทั้งสามารถคลี่คลายความวุ่นวาย ความยุ่งยากให้กับพี่น้องประชาชน ให้เข้าถึงการรักษา แก้ปัญหา "คอขวด" มีคนป่วยแต่ไม่มีเตียงรองรับ ได้ดีขึ้นแล้ว ในเชิงการต่อสู้ทางการเมือง จะยิ่งทำให้ "ฝ่ายค้าน" ทำงานได้ยากลำบากยิ่งขึ้นหรือไม่ !?
เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ เมื่อรัฐบาลพลิกเกมได้ ก่อนที่ฝ่ายค้านจะได้โอกาสใช้เวทีสภาฯ ชำแหละทุกข้อผิดพลาด จนทำให้ ผู้คนในสังคม หันมาเทใจสนับสนุนการทำงานของฝ่ายค้าน ตามเป้าหมายที่ฝ่ายค้านหวังจะปลุกบทบาท และกระแสจากประชาชน
ดูเหมือนว่า ทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล ต่างกำลังทำงานเร่งแข่งกับเวลา เพื่อรักษาความได้เปรียบของสถานการณ์ด้วยกันทุกๆฝ่าย !