เดิมพันครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เพราะไม่เพียงแต่ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะถือ "ชีวิตผู้คน" เอาไว้ในมือแล้ว ยังหมายความถึง "ชะตา" ของรัฐบาลทั้งคณะ ว่าที่สุดแล้ว "เรือเหล็ก" ลำนี้จะฝ่าคลื่นลมมรสุมไวรัสโควิด-19 ไปได้จนตลอดรอดฝั่งหรือไม่ !? เมื่อวันที่ 9ก.ค.64 ที่ผ่านมา ที่ประชุมใหญ่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. มีมติ ให้ปรับระดับมาตการควบคุมการแพร่ระบาดทั่วประเทศ โดยเฉพาะในส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม ยังเป็น 10 จังหวัด คือ กทม. นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา ได้มีข้อห้ามในการเดินทางที่ไม่จำเป็น โดยกำหนดห้ามออกนอกเคหสถาน ในเวลา 21.00 - 04.00 น. ยกเว้นในบางอาชีพ สำหรับมาตรการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในพื้นที่ 6 จังหวัด ที่ประกอบด้วย กทม. นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ได้กำหนดมาตการควบคุม เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายและดำเนินกิจกรรมให้ได้มากที่สุด อาทิ กำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนปฏิบัติงานในลักษณะเวิร์ก ฟอร์ม โฮมให้ได้มากที่สุด โดยไม่กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการประชาชน, ให้ระบบขนส่งสาธารณะหยุดบริการตั้งแต่ 21.00 - 04.00 น.รวมทั้งห้ามรวมกลุ่มทำกิจกรรมทางสังคมที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ การประกอบอาชีพ กิจกรรมทางศาสนา หรือกิจกรรมตามประเพณีที่มีการรวมตัวกันเกิน 5 คนขึ้นไป แน่นอนว่าแม้รัฐบาลจะไม่ใช่คำว่าล็อคดาวน์ แต่แนวทางที่ประกาศมาตรการดังกล่าวออกมา เพื่อจำกัดการเคลื่อนย้ายของประชาชน ตลอดจนกิจกรรมบางอย่าง แม้จะส่งผลกระทบต่อประชาชน ไปจนถึงการดำรงชีวิต และตัวผู้ประกอบการเอง แต่ทั้งนี้ได้อยู่ภายใต้กรอบคิดที่ว่า ในช่วงเวลา 14 วันตามที่บังคับใช้มาตรการคุมเข้มครั้งนี้ รัฐบาลจะมีเวลา "บริหารจัดการ" ทั้งสิ่งที่เคยเป็นทั้งปัญหา อุปสรรค ให้ลุล่วง เพื่อดึงเส้นกร๊าฟจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยและสถิติผู้เสียชีวิต ให้ลงมาอยู่ในจุดที่ "ระบบสาธารณสุข" จะยังรับมือได้ และ "สู้ไหว" เพื่อลดทุกความสูญเสีย สำหรับทุกๆฝ่ายให้ได้มากที่สุด ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ทั้งก่อนและหลังวันที่ 9 ก .ค.เป็นต้นมา ภายหลังจากที่ ที่ประชุมใหญ่ศบค.มีมติให้ล็อคดาวน์ควบคุมพื้นที่ ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ยังพบว่า "กระแส" และ "ความเชื่อมั่น" ของ ตัว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล ยังคงเผชิญหน้ากับแรงกดดันรอบด้าน อย่างต่อเนื่อง ! แน่นอนว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะ "กัปตัน" ถือหางเสือเรือกำลังอยู่ในสภาพที่เพลี่ยงพล้ำ การบริหารจัดการ จัดหาวัคซีนมาไม่ทันกับความต้องการของประชาชน ยิ่งเกิดภาพที่พี่น้องประชาชนพากันต่อคิวรอการตรวจโควิดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อย่างยากลำบาก ล้วนแล้วแต่เป็นการย้ำให้เห็นว่ารัฐบาลนั้นมีแผลเต็มไปหมด จึงไม่น่าแปลกใจที่จะพบว่า นาทีนี้ พรรคฝ่ายค้านจึงไม่จำเป็นต้อง "ประสานพลัง"รอจังหวะแล้วมาร่วมกันเขย่ารัฐบาล แต่ต่างคนต่างดาหน้าถล่ม เพื่อเรียกเรทติ้งของตัวเองกันอย่างคึกคัก เพราะนี่คือโอกาสทองที่ไม่ควรจะปล่อยให้ลอยหลุดมือ ไปจนกระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ "ตั้งหลักได้" แต่นาทีนี้ ยังต้องลุ้นระทึกกันต่อไปว่า "กัปตันประยุทธ์" จะพาเรือให้ข้ามผ่านมรสุมไปได้อย่างไร โดยมีเดิมพันสูงลิบลิ่วอยู่ในมือ !