กระแสสังคมมักจะเรียกร้องต่อรัฐทุกเรื่องทุกราว เมื่อผู้คนทุกคน “หวัง” และ “เรียกร้อง” จากรัฐ การตอบสนองของรัฐจึงไม่มีทางจะถูกใจผู้คนทั้งหมด
รัฐมีหน้าที่ของรัฐ การดูแลความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของพลเมืองเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุด การดูแลสวัสดิการของพลเมืองก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่จะทำได้ดีเพียงใด ขึ้นกับสองด้าน คือด้านความมั่งคั่งหรือรายได้ของรัฐ อีกด้านหนึ่งคืออุดมคติของผู้คุมอำนาจรัฐ แต่จากบทเรียนระวัติศาสตร์ทั่วโลก ยังไม่มีรัฐใดที่ดูแลเรื่องรัฐสวัสดิการได้ถูกใจมวนทุกคน
ในด้านตรงข้าม พลเมืองก็มีหน้าที่ของพลเมืองเช่นกัน สังคมจะสงบสุขเพียงใดย่อมขึ้นกับพลเมืองรักษาหน้าที่ได้ดเพียงใดด้วย
หน้าที่ของพลเมืองกับหน้าที่ของรัฐนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับ “กฏหมาย” บังคับเท่านั้น เราเห็นว่าที่สำคัญมัยขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของสมาชิกในสังคม มองอย่างองค์รวมก็คือ “ปัญหาทางวัฒนธรรม” ในสังคมนั้น ๆ
คนทั่วไปมักจะมองปัญหาการปรับปรุงปฏิรูปสังคมเพียงสองด้านคือ ด้านเศรษฐกิจกับด้านการปกครอง โดยะเลยไม่เห็นปัญหาด้านวัฒนธรรม
อย่านึกว่าแนวคิดระบอบเศรษฐกิจกับแนวคิดระบอบการเมือง สองอย่างนี้สำคัญที่สุด แล้วคิดแต่จะปฏิรูปแก้ไขแนวคิดสองอย่างนี้เท่านั้น โดยไม่ใส่ใจการแก้ไขส่วนที่ถูกเรียกว่า “วัฒนธรรม”
ใช้ศัพท์ของรัฐบาลมาพูดก็เช่น ประเทศไทยจะเป็น “ประเทศ ๔.๐” ได้อย่างไร ? จะใช้แนวคิดทางเศรษฐศาสตร์และการปกครองมานำพาเท่านั้นหรือ ? ไทยเป็นประเทศ ๔.๐ ไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีการปฏิรูปวัฒนธรรม
รัฐบาลบอกว่าเขาให้ความสำคัญงานอื่น ๆ อยู่ งานกระทรวงศึกษาธิการสร้างพลเมือง งานกระทรวงวัฒนธรรมรักษาวัฒนธรรมอันดี งานกระทรวงพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ยกระดับคุณภาพของพลเมือง ฯลฯ
แต่งานของกระทรวงเหล่านั้นกระจัดกระจาย หลงอยู่กับรูปธรรมบางอย่าง ยังไม่เข้าใจแก่นของงานวัฒนธรรม แล้วทำงานกันอย่างบูรณาการ และให้งานวัฒนธรรมเป็นสมองกำกับงานพัฒนา
มนุษย์สร้างวัฒนธรรมขึ้น (จากรากเหง้าวิถีการผลิต) แล้ววัฒนธรรมก็สะท้อนกลับไปสร้างมนุษย์รุ่นใหม่ขึ้นมา มนุษย์รุ่นใหม่สร้างวัฒนธรรมใหม่ แล้ววัฒนธรรมใหม่นั้นก็สร้างมนุษย์รุ่นใหม่ต่อมาอีก....
ถ้าเรายังปล่อยให้ความคิดระบอบเศรษฐกิจกับระบอบปกครองชี้นำพฤติกรรมทางสังคม โดยไม่ให้ความสำคัญด้านวัฒนธรรมที่ดีงามเหมาะสม ไม่ให้งานวัฒนธรรมเป็นเหมือนหางเสือคัดท้ายเรือที่แล่นสู่อนาคตแล้ว อนาคตของคนส่วนใหญ่จะมีแต่ความทุกข์ เพราะระบอบเศรษบกิจก็จะเอื้อผลประโยชยน์ แก่คนส่วนน้อยจำนวนน้อยเท่านั้น
มีแต่ต้องรู้จักสร้างวัฒนธรรมใหม่ถูกต้องเหมาะสมเป็นมันสมอง ใช้มันกำกับควบคุมแนวคิดระบอบเศรษฐศาสตร์และการเมืองหรือสองขาให้แข็งแรงเดินถูกทางเท่านั้น โลกอนาคตจึงจะเป็นโลกที่งดงาม.