รศ. ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
จำได้มั้ย ! เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข เคยเปิดให้ลงทะเบียนจองฉีดวัคซีนโควิด -19 บนแอปพลิเคชั่น “หมอพร้อม” และบนไลน์ออฟฟิศเชียล (LINE Official) กับกลุ่มเป้าหมายแรกจำนวน 17.85 ล้านคน ซึ่งประกอบด้วยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
ช่วงนั้นมีแต่กระแสข่าวเชิงลบต่าง ๆ นานาที่เป็นผลข้างเคียงของการฉีดวัคซีนปรากฏออกมาไม่หยุดหย่อน จนส่งผลต่อยอดการลงทะเบียนฉีดวัคซีน ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์กระตุ้นการฉีดวัคซีนไปยังประชาชนกลุ่มอื่น ๆ เช่น กลุ่มพนักงานขับรถสาธารณะ กลุ่มบุคลากรทางการศึกษา กลุ่มประชาชนอายุ 15-59 ปี และในที่สุดก็เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศในวันอังคารที่ 7 มิถุนายน ที่ผ่านมาให้กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ 2 เดือนแล้ว การบริหารจัดการเรื่องวัคซีนก็ยังลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่เข้าที่เข้าทาง ประชาชนคนไทยยังคงต้องอดทนและรอวัคซีนกันต่อ และได้แต่หวังว่าสถานการณ์วัคซีนโควิด-19 จะเข้าที่เข้าทางในเร็ววันนี้
ส่วนชุดข้อมูลจาก ศบค. พบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงแตะครึ่งหมื่นหรือเกือบ ๆ ครึ่งหมื่นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา (28 มิ.ย. 64 วันแรกที่แตะหลักครึ่งหมื่น 5,406 ราย) และยอดผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ 61 ราย (2 ก.ค. 64) ตามติดมาด้วยวิกฤตเตียงไม่มีรองรับผู้ป่วยแล้ว ในที่สุดกระทรวงสาธารณสุขต้องกลับไปเน้นฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับกลุ่มเป้าหมายแรกที่เพิ่งได้รับการฉีดไปเพียง 2.1 ล้านคน เพราะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุด
ย้อนกลับไปเป็นเหมือนเดิม (Refocus)...แล้วจะสำเร็จหรือไม่...คงต้องจับตาดูกันต่อไป...
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 64 รพ.รามาธิบดี เปิดให้จองวัคซีนทางเลือก “โมเดอร์นา” เต็มภายใน 3 นาที
และในวันเดียวกัน ยอดจองพันธบัตรออมทรัพย์ “ยิ่งออมยิ่งได้” ผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” วงเงิน 10,000 ล้านบาท หมดภายใน 2 ชั่วโมง 45 นาที
สะท้อนว่า คนไทย ก้าวพ้นความกลัวการฉีดวัคซีนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนฟรีที่รัฐจัดให้
“ซิโนแวค” และ “แอสตราเซเนกา” หรือวัคซีนทางเลือก ‘ขอให้มีฉีดก็พร้อมฉีดทันที’ แม้ว่าจะต้องควักกระเป๋าจ่าย ... ส่วนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ก็พร้อมออมเงินวันนี้เพื่อความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ถ้ามีโอกาสเปิดมาก็รีบคว้าอย่างรวดเร็ว เกินกว่าคาด ...
ดูเหมือนทุกวันนี้…คนไทยต้องการในสิ่งที่ต้องเป็นของคนไทยเองอยู่แล้ว แต่ด้วยการบริหารจัดการที่บิด ๆ เบี้ยว ๆ คนไทยจึงต้องพลาดในสิ่งที่ควรได้รับนั้น ๆ ไปอย่างน่าเสียดาย !!!
ขณะที่ผลโพลที่เปิดเผยล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของสวนดุสิตโพลก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลถึงคนไทยในเชิงเศรษฐกิจ สาธารณสุข/สุขภาวะ และการบริหารรัฐกิจ ได้แก่ ทำลายเศรษฐกิจ คนตกงาน อยู่อย่างลำบาก (อันดับ 1 91.95%) เผชิญกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น (อันดับ 2 85.86%) ทำให้ทุกข์ใจ เครียด วิตก กลัวไม่ได้รักษา บางคนคิดสั้น (อันดับ 3 81.78%) ต้องพึ่งตนเอง การ์ดไม่ตก ดูแลสุขภาพให้มากขึ้น (อันดับ 4 78.28%) และสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤติ รัฐบาลอาจคุมไม่ได้ (อันดับ 5 74.31%)
แล้วทำอย่างไรจึงจะผ่านวิกฤตินี้ไปได้ ในมุมมองของประชาชนที่พุ่งตรงยังนักการเมือง ก็คือ
นักการเมืองต้องทุ่มเททำงาน คำนึงถึงประชาชนเป็นหลัก (อันดับ 1 86.84%) สละเงินเดือน ช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง (อันดับ 2 82.39%) ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมมือกันทำงานเชิงรุก (อันดับ 3 81.64%) ไม่เล่นเกมการเมือง หยุดทะเลาะเบาะแว้ง โจมตีกันไปมา (อันดับ 4 75.35%) และตรวจสอบการบริหารจัดการโควิด-19 เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับรู้ (อันดับ 5 65.59%)
นี่คือความคาดหวังของประชาชนคนไทย ณ วันนี้ต่อการทำงานของนักการเมือง คนไทยทุกคนต้องเข้มแข็ง อดทน รู้เนื้อรู้ตัว แล้วเราจะผ่านพ้นวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้ไปพร้อมกัน “คนไทยต้องรอด” ครับ !!!