ทองแถม นาถจำนง สมัยก่อนนั้ข้าพเจ้าเคยเสวนาเรื่องเกี่ยวกับการเมือง-เศรษฐกิจกับคนอื่นบ่อย ทั้งวงนักวชาการและวงเยาวชนนักศึกษานักกิจกรรม พบว่าประเด็นที่ผู้คนมักจะหลงเอามาสับสนปนกันคือระบอบเศรษฐกิจกับระบอบการเมืองการปกครอง เช่น พูดถึงเศรษฐกิจระบบสังคมนิยมกับการเมืองระบบเผด็จการเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน คือถ้าใช้ระบบสังคมนิยมก็คือเผด็จการ ในทำนองเดียวกัน ก็มักจะพูดถึงประชาธิปไตยกับทุนนิยมเสรีเหมือนเป็นสิ่งเดียวกัน อันที่จริง มันเป็นสองเรื่อง ที่ต้องจำแนกแยกกันพูด จะบอกว่า เงินเฟ้อหรือของแพง คนเดือดร้อนมากเพราะเผด็จการ พูดอย่างนี้คือเอาสองเรื่องมาสับสนปนเปเข้าด้วยกัน รัฐบาลในโลกนี้ที่เขาได้อำนาจรัฐมาด้วยการเลือกตั้ง แต่เลือกใช้ระบบเศรษฐกิจสังคมนิยมนั้น เคยมีมากไม่น้อยแล้ว และรัฐบาลเผด็จการในโลกนี้นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นทาสของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี อาจารย์หม่อมคึกฤทธิ์ ท่านเคยเขีบนบ่นเรื่องทำนองนี้ไว้เหมือนกันเมื่อ พ.ศ. 2516 (สยามรัฐหน้า 5 วันที่ 11 กรกฎาคม 2516) “ราคาของกินของใช้ในเมืองไทยนั้น แต่ก่อนกินเวลาเป็นปี ๆ จึงขึ้นไปได้ถึง 9 เปอร์เซนต์ แต่ในระย 4-5 เดือนที่แล้วมานี้ ราคาของินของใช้ในบ้านเราขึ้นพรวดไปถึง 15 เปอร์เซนต์ คนก็ต้องเดือดร้อนกันมาก เมื่อเดือดร้อนแล้วก็ต้องหงุดหงิด น่าสังเกตที่ความหงุดหงิดในเรื่องหนึ่งกลับไปแสดงออกในอีกเรื่องหนึ่ง เป็นต้นว่าเกิดมีการเรียกร้อง มีการแสดงประชามติให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญภายในหกเดือน.... อย่างไรก็ตา เราสำรวจดูความต้องการที่แท้จริงของเราหรือเปล่า ว่าเราต้องการอะไร หรือเดือดร้อนอย่างไร ? เราใจแล้วหรือว่า เพียงแต่มีรัฐธรรมนูญภายในหกเดือน (หรือมีการเลือกตั้งเร็ว .... ตรงนี้นายทองแถม เติมเข้าไปครับ) ความต้องการติ่ง ๆ และความเดือดร้อนต่าง ๆ ของเราจะผ่อนคลายเบาบางลงไปได้ ? หรือว่าจะกลับเพิ่มขึ้นอีก เพราะการมีรัฐธรรมนูญนั้น (หรือมีการเลือกตั้ง ....ตรงนี้นายทองแถม ก็เติมเข้าไปอีกแล้วครับ) เท่ากับเป็นการเปิดเวทีให้นักการเมืองอาชีพได้เข้ามาแสดงกันเต็มที่ เพื่อตำแหน่งแห่งหน เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพื่อความยิ่งใหญ่ เพื่อให้ดัง การแสดงเช่นนี้เราเคยได้เห็นมาหลายชุดแล้ว เราอยากมีรัฐธรรมนูญ และได้เรียกร้องเอารัฐธรรมนูญกันมาหลายครั้งหลายหนแล้วเช่นเดียวกัน แต่พอมีรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งแล้ว เราได้อะไร ? เราได้คณะราษฎร์ เราได้พรรคแนวรัฐธรรมนูญ เราได้พรรคเรีมนังคศิลา เราได้พรรคสหประชาไทย ทุกอย่างที่เราได้มานี้เป็นเพียงปัจจัย เพื่อให้บังเกิดผลขั้นสุดท้าย คือจอมพลที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ แล้วของกินของใช้ถูกลงหรือเปล่า ? ความปลอดภัยในชีวิตของเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ? ความราบรื่นในชีวิตของเราเพิ่มขึ้นหรือเปล่า ? เปล่าทั้งเพ เรามีรัฐธรรมนูญ เอาไว้เลี่ยงกันเท่านั้นเอง ที่พูดมาทั้งหมดนี้ มิใช่ว่าผมไม่ต้องการรัฐธรรมนูญ ต้องการครับ ต้องการเท่ากับคนอื่น ๆ ชั่วแต่ว่า ผมต้องการรัฐธรรมนูญที่จะมาแก้ปัญหาต่าง ๆ ของเราได้จริง ถ้ายังหารัฐธรรมนูญที่จะมีคุณภาพเช่นนั้นไม่ได้ ทำไมเราไม่จับเอาปัญหาของเราที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้ขึ้นมาทีละอย่าง แล้วเรียกร้องให้คนที่รับผิดชอบแก้ปัญหานั้นให้จงได้”