อันที่จริงข้าราชการนั้นก็เป็นประชาชนไทย มีสภาวะความเป็นพลเมืองไทยเช่นเดียวกับราษฎรไทยคนอื่น ๆ แต่ข้าราชการนั้นก็ดูเหมือนมีศักด์และสิทธิสูงกว่าราษฎร !
สูงกว่าทุกด้าน....
จึงเป็นอาชีพที่คนไทยนิยมว่าดี
คนไทยก่อนที่จะสอบเข้ารับราชการแล้วได้รับการบรรจุเข้ารับราชการ ก็มักจะมีความคิดความอ่านแบบเดียวกับราษฎรไทยทั่วไป แต่เมื่อมีหัวโขนข้าราชการเข้าแล้ว ความคิดความอ่านก็มักจะเปลี่ยนเป็น “ระบบคิดแบบราชการ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ได้เลื่อนขั้นเป็น “ผู้ใหญ่”
นี่ถือเป็นความสำเร็จของระบบราชการไทย ที่ “ล้างสมอง” ข้าราชการอย่างได้ผล
ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยวิจารณ์ว่าระบบราชการไทยนั้นใหญ่โต และชี้ขาดทุกสิ่งในสังคมไทย ที่สำคัญคือมันเป็นอย่างนั้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตราบจนถึงปัจจุบัน กรณีความไม่พึงพอใจที่ประชาชนชาวชลบุรีส่วนหนึ่งมีต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ก็เป็นตัวอย่างน่าคิดประการหนึ่ง
ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านบอกว่า
“....ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนว่าระบบข้าราชการเมืองไทยนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตเสียเหลือเกิน ถ้าจะพูดไปแล้ว อะไร ๆ ก็ขึ้นอยู่กับข้าราชการหรือขึ้นอยู่แก่ราชการ เป็นประเทศที่มีราชการปกครองกันอยู่ โดยชนิดที่เรียกว่าประชาชนพลเมืองทุกคนเกือบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้
แล้วก็ข่าวที่เรารับอยู่ทุกวันนี้ เปิดหนังสือพิมพ์ไม่ว่าจะเป็นฉบับไหนดู ก็มักจะมีข่าวเกี่ยวกับราชการอยู่ทุกวี่วัน แสดงให้เห็นว่าระบบราชการเมืองไทยนั้นเป็นระบบที่ใหญ่โตเหลือประมาณ แล้วแทรกซึมเข้าไปในชีวิตความเป็นอยู่ของคนทั่วประเทศ โดยที่รู้สึกว่าจะมากกว่าประเทศอื่น ๆ เขา
เนื่องด้วยระบบราชการของเมืองไทยเป็นขนาดที่กว้างขวางมากมายเช่นนี้เอง การที่จะจัดระบบขึ้นใหม่หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงปรับปรุงมันก็เป็นเรื่องยาก เพราะของอะไรที่มีขนาดใหญ่โตมหึมาแตกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วประเทศ และได้ดำเนินการมาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งเป็นเรื่องที่ฝังอยู่ในจิตใจของคนเสียแล้วอย่างนี้ ถ้าหากว่าเราลองแตะต้องปรับปรุงแก้ไขดูแล้ว เราก็จะพบกับความจริงที่ว่า บางทีผู้ที่คิดจะแก้ไขนั้นเองต้องพ่ายแพ้แก่สิ่งที่ตนปรารถนาจะแก้ไข
คือถึงไม่พ่ายแพ้ด้วยขนาด ก็พ่ายแพ้ด้วยน้ำหนัก หรือพ่ายแพ้ด้วยความมั่นคงของสิ่งที่ตนจะปรับปรุงนั้นเอง”
การปรับปรุงแก้ไขระบบราชการให้ทันสมัยนั้น ทุกรัฐบาลก็พยายามทำมาตลอด แต่น่าเศร้าตรงที่มิได้แก้ไขความกระหายอยากจะเป็น “เจ้าคน นายคน” ของคนไทยส่วนข้างมาก ดังนั้นความคิดความอ่านของข้าราชการ จึงยังคงคิดแบบ “เจ้าคน นายคน” อยู่นั่นเอง ที่กล่าวมานี้ก็ด้วยความเห็นใจความเข้าใจคนไทยทั้งมวล ระบบราชการนั้นมันใหญ่มหึมาและมีอิทธิฤทธิ์แรงกล้า ใครหาญกล้าจะปฏิรูปราชการก็โปรดเข้าใจด้วยว่า
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก และถึงหากว่าจะทำได้ก็ต้องกินเวลาช้านาน เหตุการณ์บ้านเมืองของเราจะอำนวยให้มีการปรับปรุงระบบข้าราชการพลเรือนของไทยเราต่อเนื่องกันไปจนกระทั่งสำเร็จรูปตามข้อเสนอนี้อย่างไรหรือไม่ นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต เป็นเรื่องของความหวัง จะสำเร็จไม่สำเร็จอย่างไรก็อยู่ที่เวลา อยู่ที่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง อยู่ที่เสถียรภาพของรัฐบาลและสิ่งอื่น ๆ อีกมาก” (คึกฤทธิ์ ปราโมช)