"ผมพร้อมสู้ ที่ผ่านมาผมไม่เคยนึกถึงตัวเอง หัวผมทำงานทุกวัน ฝันก็ยังเป็นงาน ไม่เคยฝันเป็นอย่างอื่น อยากจะฝันก็ไม่ได้ และยิ่งไล่ ผมยิ่งสู้" "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศกร้าวกลางที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.64 ที่ผ่านมาในวาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม วงเงินไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังย้ำต่อที่ประชุมวุฒิสภา ด้วยว่า "รัฐบาลจะอยู่ครบเทอม" "หากเลือกตั้งในอนาคต ผมยืนยันอยู่จนครบ จะได้เลิกพูดสักที วันหน้าหากเลือกตั้ง ก็เลือกให้ดี" จากท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ครั้งนี้คล้ายกับว่าต้องการ "สยบข่าวลือ" ที่สะพัดมาอย่างต่อเนื่อง ว่ารัฐบาลชุดนี้ซวนเซเต็มทีแล้ว กับปัญหาทั้งการเมือง ไปจนถึง "สงครามโควิด" ดังนั้นจึงดูจะเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะอยู่จนครบเทอม อีกทั้งยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ ถูกฝ่ายค้านถล่มในสภาฯ ทั้งวาระการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 และ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5แสนล้านบาทเพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ที่นำโดย "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธานนปช. ออกมานำทีมเดินสายกดดัน ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ลุกออกจากตำแหน่งทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นั่นคือมิติที่อาจจะมองผ่านมุมของ "ฝ่ายต่อต้าน" เพียงด้านเดียว สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ แล้วย่อมประเมินสถานการณ์ที่เรียกว่า "ข้ามช็อต" ไปถึง "หลังเลือกตั้ง" เรียบร้อยแล้วว่าไม่เพียงแต่ "พรรคพลังประชารัฐ" หรือ "พรรคสำรอง" ที่จะผุดขึ้นมาเปิดตัว เมื่อสนามเลือกตั้งเปิดขึ้น เมื่อในความเป็นจริงแล้ว "3ป." ได้วางหมากเอาไว้หมดแล้วว่า พวกเขาจะต้องได้ "ชัยชนะ" ตั้งแต่วันนี้ นาทีนี้ โดยไม่จำเป็นต้องไปรอให้ถึงการเลือกตั้งรอบหน้าด้วยซ้ำ ! และเมื่อมีการเลือกตั้งรอบหน้าเกิดขึ้น เมื่อ "3ป." พร้อมทุกมิติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในทางการบริหาร สามารถเรียกคะแนนกลับมาได้จนมั่นใจได้ว่า หากเลือกตั้งแล้วจะต้องกวาดส.ส.กลับมาได้มากเป็นประวัติการณ์ และที่สำคัญไปกว่านั้น "3ป." จะต้องผลักดันให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของ "บัตร2ใบ" บรรลุเป้าหมาย รวมถึง อำนาจส.ว.จะโดนแตะน้อยที่สุด แม้เวลานี้จะเห็นได้ว่า บรรดาพรรคฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ไปจนถึงพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศ "จับมือกัน" 3พรรคทั้งประชาธิปัตย์ -ภูมิใจไทย-ชาติไทยพัฒนา เพื่อเสนอแก้ไขในจุดที่จะมีโอกาส "ได้ประโยชน์" ไม่น้อยไปกว่า พรรคพลังประชารัฐที่มีเป้าหมายเพื่อปกป้องอำนาจให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุนี้ เมื่อเป้าหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนว่าจะต้องได้ชัยชนะกลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งรอบหน้า จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า เหตุใดบิ๊กตู่ จึงแทบไม่ให้ความสำคัญต่อแรงกดดันทั้งในและนอกสภาฯนัก ไม่ว่ากลุ่มการเมืองภาคประชาชน ที่มาจากคนเสื้อแดง ผนึกำลังจาก "คนกันเอง" ที่มาจากม็อบพันธมิตรฯจะจี้ให้ประกาศลาออกภายในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ หรือการที่พรรคก้าวไกล ประกาศไล่รื้อ "ระบอบประยุทธ์" ผ่านการโละรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยท่าทีหนักหน่วงแค่ไหนก็ตาม แต่ที่สุดแล้ว วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากจะไม่ถอย ยังปักหลัก ปักธงรบ เต็มรูปแบบเรียบร้อยแล้ว !