การสวมบทเป็น "กูรู" ที่รู้ทุกเรื่องของอดีตนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ ชินวัตร" ที่ใช้โลกโซเชี่ยล เป็น "เวทีรบ" ผ่านคลับเฮ้าส์ ในนาม "โทนี วู๊ดซัม" มาหลายครั้งหลายครา แม้ทางหนึ่งจะเป็นการเล่นเกมที่ทักษิณ ถนัดและดูเหนือชั้นกว่า "นายกฯลุงตู่" อย่าง "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ พลิกเกมสู้ด้วยการขับเคลื่อน "การฉีดวัคซีน" ให้กลายเป็น "วาระแห่งชาติ" ที่ต้องเดินหน้าให้ได้ตามเป้าหมาย ด้วยการเร่งปูพรม ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนภายในสิ้นปีนี้ ให้ได้ถึง 50ล้านคน แม้จะเจอกับปัญหาอุปสรรค ที่โถมเข้าใส่หลายทาง จนแทบทำให้รัฐบาล "ไปไม่เป็น" ก็ตาม
ทว่าเมื่อรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่ม "ตั้งหลัก"ได้แล้ว ตามมาด้วยภาพเหตุการณ์คิกออฟ การฉีดวัคซีนทั่วประเทศเมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่จะทำให้เสียงโจมตี จาก "ส.ส.พรรคก้าวไกล"ที่เคยออกมาท้าทายกลางสภาฯ ด้วยไม่เชื่อว่า วันที่ 7 มิ.ย.นี้รัฐบาลจะมีวัคซีนฉีดให้กับประชาชนได้จริงแล้ว
ยังกลายเป็นได้ส่งผลต่อกระแส "โทนี" กูรูคนเก่งให้ซาลงไปด้วยโดยปริยาย !
ลำพังการออกมาตอบโต้กับส.ส.พรรคก้าวไกล สำหรับรัฐบาล ย่อมไม่ใช่ "สาระหลัก" เพราะวันนี้ พรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ และ "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มองการณ์ไกล ไปถึง การเลือกตั้งรอบหน้าไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเสียงโจมตีอยู่หน้าประตูค่าย จาก พรรคก้าวไกลหรือแม้แต่ "กลุ่มไทยไม่ทนฯ" ที่บุกไปยื่นหนังสือจี้ให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกหรือยุบสภาฯ จึงไม่มีความหมาย
เมื่อในการต่อสู้ทางการเมืองรอบหน้า พรรคเพื่อไทย คือพรรคการเมืองที่ยังคงเป็น "คู่แข่ง" ที่พรรคพลังประชารัฐ จะต้องล้มให้ได้ในสนามเลือกตั้ง !
ขณะเดียวกันจะเห็นได้ว่า แม้วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจยุบสภา ฯหรือลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการเลือก "นายกฯคนใหม่" จาก "5แคนดิเดต" ที่มีอยู่ ก็ใช่ว่า พรรคเพื่อไทย จะมีความพร้อมแต่อย่างใด
จุดแข็ง ที่เป็น "จุดแข็ง" สำหรับพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ผ่านมา และในวันนี้ จึงเกาะเกี่ยวอยู่กับ "กระแสทักษิณ" ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็น "หน้าเล่น" ส่งใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือจะส่งใครขึ้นมาเป็น "นายกฯ" ก็ตาม แต่ตัวจริง เสียงจริง ยังคงเป็น "ทักษิณ ชินวัตร"
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ หากจะพบว่า ที่สุดแล้วทั้งพรรคเพื่อไทยตลอดจน "แนวร่วม" ที่เชื่อมโยงกับขั้วอำนาจทักษิณ จึงยังคงเลือกวิธีการชูความเป็นทักษิณขึ้นมาเรียกความนิยม สร้างความแตกต่างระหว่าง อดีตนายกฯทักษิณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อทำภาพให้เด่นชัดว่า ในยุคสมัยของรัฐบาลไหน ประชาชนอยู่ดีกินดี มากกว่ากัน
กลยุทธ์การขายความเป็นทักษิณ ยังคงดำเนินต่อไป เพราะพรรคเพื่อไทยนั้นรู้ดีว่า นี่คือจุดแข็งที่ยังสามารถ "ยึดเอาไว้ได้" แม้ลึกๆแล้วจะรู้ดีว่า หากเสียงปี่ เสียงกลอง สัญญาณการเลือกตั้งครั้งใหม่ ชัดเจนเมื่อใด ก็ใช่ว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่อยู่ในภาวะ "พรรคแตก" ส.ส.ในพรรคจะพากันไหลออกไปเพื่อไปหา "บ้านใหม่" พรรคการเมืองใหม่ที่จะมั่นใจได้ว่า หลังเลือกตั้งแล้ว จะได้นั่งเป็นรัฐบาล
แต่เมื่ออนาคตยังมาไม่ถึง และอดีตนายกฯทักษิณ คือจุดขายที่สร้างความมั่นใจได้นี่คือข้อแตกต่างที่ดีที่สุด หากนำมาเทียบกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เกมปลุกผีทักษิณ จึงต้องดำเนินกันต่อไปเช่นนี้ แม้จะรู้ดีว่า จากนี้ไปเมื่อรัฐบาลตั้งหลักได้แล้ว พรรคเพื่อไทยจะยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก กว่านี้หลายเท่านัก !