ประเทศไทยในหนึ่งทศวรรษที่ผานมา อยู่ในช่วงทางแพร่งหัวเลี้ยวหัวต่อ เสียงเรียกร้องการปฏิรูปจึงได้รับการตอบสนองอย่างสูง เมื่อจะปฏิรูปก็จำเป็นต้องมีการปรับปรุงอย่างรอบด้าน แม้ว่าการปฏิรูปกองทัพจะไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าว แต่จริง ๆ แล้วก็กำลังปกิรุปเหมือนกัน ตั้งแต่หลังการรัฐประหารใหม่ ๆ กระทรวงกลาโหมก็ได้นำเสนอแผนการปฏิรูปกองทัพ โดยมีการจัดเตรียมแผนแม่บทการ "ปฏิรูปกระทรวงกลาโหม" ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อให้กองทัพมีความพร้อมรับภัยคุกคามทั้งภายในและนอกประเทศ โดยเฉพาะแผนการปฏิรูปยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศ และการบริหารงานยุคใหม่ที่มุ่งเน้นความคล่องตัว สามารถปฏิบัติภารกิจที่หลากหลาย รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถปฏิบัติภารกิจร่วมกับกองทัพมิตรประเทศในการรักษาดุลอำนาจในภูมิภาค สำหรับร่างแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการ และการปรับปรุงโครงสร้างของกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2558-2567 มีสาระสำคัญ ดังนี้ ระยะเวลา 5 ปีแรก ตั้งแต่ปี 2558-2562 จะมุ่งเน้นระบบบริหารจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ มีความพร้อมทั้งกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หลักนิยม การฝึกศึกษา การพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ การรับมือสถานการณ์ภัยคุกคามร่วมกับสมาชิกอาเซียน และสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของชาติในมิติต่างๆ ระยะ 5 ปีที่เหลือ ตั้งแต่ 2562-2567 ปรับปรุงระบบโครงสร้างกองทัพให้สอดรับกับทั้งระบบบริหารจัดการในระยะ 5 ปีแรก เน้นการบริหารราชการยุคใหม่ที่มุ่งเน้นความคล่องตัว สามารถปฏิบัติภารกิจที่มีความหลากหลาย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการพิทักษ์ผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดำเนินการแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนแรก เป็นการบริหารจัดการ เน้นผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานตอบสนองเป้าหมายและวิสัยทัศน์ โดยปรับปรุงทั้ง 17 ระบบงานโดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร มีการบูรณาการมากขึ้นของเหล่าทัพ ส่วนที่สอง เป็นการปรับโครงสร้าง ปรับ โอนแปรสภาพ ยุบเลิก ปรับมาตรฐานและเพิ่มความสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถกองทัพให้ทัดเทียมในภูมิภาค โดยจะเป็นการปฏิรูปที่สอดรับกับการบริหารราชการยุคใหม่ เริ่มตั้งแต่ปี 2558 ให้มุ่งเน้นเสริมสร้างความพร้อมรบทุกด้าน ดำรงขีดความสามารถของกองทัพให้สามารถปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ การสนับสนุนนโยบายรัฐบาล รวมถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในการรักษาความสงบเรียบร้อย และการปฏิรูปประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมกองทัพในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ที่จะต้องเผชิญกับความท้าทาย และภัยคุกคามใหม่ๆ ที่แตกต่างในอดีตโดยสิ้นเชิง ผ่านมาแล้วสามปี พระทรวงกลาหมก็น่าจะนำเสนอย่างเป็นรูปธรรมให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรมว่า กองทัพปฏิรุปอะไรไปได้สำเร็จบ้าง