การประชุมสภาผู้แทนราษฎร นับจากวันนี้ 31 พ.ค. ไปจนถึงวันที่1 มิ.ย. 64 ที่ประชุมจะใช้เวลาถึง3วัน3คืนเพื่อพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2565 ภายใต้กรอบวงเงิน 3.1 ล้านล้านบาท โดยหลายฝ่ายต่างประเมินสถานการณ์กันแล้วว่า ศึกในสภาฯ รอบนี้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจจะต้องเหนื่อยล้าไม่น้อย
เพราะถือเป็นการรับศึกหลายทางในคราวเดียวกัน โดยเฉพาะในจังหวะที่รัฐบาลจะต้องเร่งหาทาง “ปลดทุกล็อค” เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ลุล่วงโดยเร็วที่สุด ก่อนที่รัฐบาลจะเจ็บหนักเพราะวิกฤตศรัทธา ไปมากกว่าที่เป็นที่อยู่ !
“อนุชา บูรพชัยศรี” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาย้ำเมื่อวันที่30 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรี พร้อมชี้แจ้งรายละเอียดถึงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในการประชุมสภาฯ และที่สำคัญยังขอให้ รัฐมนตรี ใช้โอกาสนี้เพื่อเคลียร์ทุกข้อสงสัย ต่อที่ประชุม
แต่ที่ทำเอาคอการเมือง ถึงกับ “มีลุ้น” นั่งกันไม่ติด ก็เป็นเพราะ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่า หากพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 เพิ่มเติม วงเงิน 5 แสนล้านบาท มีอันต้องถูกที่ประชุมสภาฯ ตีตกลงไปจริง สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือการที่พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องยุบสภาฯ เท่านั้น
ซึ่งเรื่องนี้หมายความว่า เสียงโหวตจากที่ประชุมสภาฯ จึงมีความหมายยิ่งนัก ว่าทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลจะยกมือให้ผ่านกฎหมายการเงินของรัฐบาล “ผ่านฉลุย” หรือไม่ ?
สำหรับพรรคฝ่ายค้านแล้ว หากแสดงท่าทีว่า “เห็นชอบ” กับสิ่งที่รัฐบาดำเนินการ ดูจะเป็นเรื่องที่ “แปลก” ไม่น้อย ยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อฝ่ายค้านประเมินแล้วว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 5แสนล้านล้านบาทฉบับนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นเสมือน “เครื่องมือ” ให้รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ นำไปใช้แก้ไขปัญหาไวรัสโควิด-19 เท่านั้น แต่ยังจะกลายเป็น “เครื่องมือ” ที่จะถูกนำไปใช้ “สร้างคะแนนนิยม” ให้พรรคร่วมรัฐบาล ชิงความได้เปรียบก่อนการเลือกตั้งรอบหน้ามาถึง ไปโดยปริยาย
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกประหลาดใจที่จะมีเสียงคัดค้านจากฝ่ายค้านเอง เหตุใดต้องเลือกการยุบสภาฯ แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออกไปเพียงคนเดียว เพราะอย่าลืมว่า เมื่อไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ เสียงเรียกร้องที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ ในข้อเสนอที่ว่าด้วย “นายกฯคนนอก” หรือ “ใครก็ได้” ที่ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ เคยเป็นหินที่ ทั้งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ไปจนถึง “คนกันเอง” ที่เคยหนุนรัฐบาล ต่างโยนลงมาถามทางกันแล้ว แต่ยังไม่มีใครออกมา “สนองตอบ”
ความหวังของฝ่ายค้านที่ต้องการจะเปลี่ยน “ตัวผู้เล่น” นั้นดูเหมือนว่ามีความเคลื่อนไหวที่สอดรับกันมาเป็นระยะ ๆ ทว่าในความเป็นจริงแล้ว “ความหวัง” ของฝ่ายค้าน และฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอาจต้องร้องเพลงรอกันต่อไป เพราะโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้นั้น แทบเป็นไปไม่ได้
ไม่ว่าจะได้เห็น พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลาออก หรือยุบสภาฯ เพราะทางเลือก ทางรอดเดียวสำหรับรัฐบาล ของพล.อ.ประยุทธ์ นาทีนี้ ได้ถูกผูกเอาไว้ที่การต่อสู้กับสถานการณ์ไวรัสโควิด -19 ให้ชนะเท่านั้น ส่วนดราม่าทางการเมือง ที่มองเห็นและกำลังเป็นอยู่ในยามนี้ เป็นแค่ “อีเว้นท์” ตามวาระ ก็เท่านั้น !