ความกังวลว่าวัคซีนต้านโควิดจะกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองระดับโลก ด้วยอาจมีการตั้งป้อมกีดกันบุคคลที่รับวัคซีนต่างค่ายไม่ให้เข้าประเทศ เช่น จีนอาจจะกำหนดให้ผู้เข้าประเทศได้จะต้องฉีดวัคซีนของวัคซีนของจีนเท่านั้น หรืออเมริกาก็จะรับรองให้เฉพาะผู้ที่ฉีดวัคซีนของบริษัทสัญชาติอเมริกันเป็นต้น แม้กรณีดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็เริ่มมองเห็นสัญญาณ ที่ก่อนหน้านี้มีกรณีที่คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ที่มีสมาชิกว่า 27 ประเทศ ได้ประกาศผ่อนปรนข้อจำกัดสำหรับนักเดินทางจากนอกสหภาพยุโรป ซึ่งมาจากประเทศที่มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ไม่เกิน 75 รายต่อประชากร 100,000 คน ในช่วง 14 วันก่อนหน้า โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากหลักเกณฑ์ก่อนหน้านี้ที่จำกัดไว้สูงสุด 25 ราย หลังสมาชิกสหภาพยุโรปยกเว้นการตรวจโรคหรือกักตัวสำหรับนักเดินทางจากประเทศที่สามที่ได้รับวัคซีนครบโดส โดยจะต้องเป็นวัคซีนที่ผ่านการอนุมัติจากองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป อันประกอบด้วยไฟเซอร์-ไบออนเทค โมเดอร์นา แอสตราเซเนกา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รวมถึงวัคซีนที่องค์การอนามัยโลก อนุมัติใช้งานในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น อันที่จริง ปฏิกิริยาของ คณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป ก็สมเหตุสมผลอยู่ เนื่องจากปัจจุบันองค์การอนามัยโลกอนมัติวัคซีนของ ไฟเซอร์ /ไบออนเทค โมเดอร์นา แอสตราเซเนก้า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และซิโนฟาร์ม เท่านั้น ซึ่งยังไม่มีชื่อของวัคซีนซิโนแวค แม้จะมีข่าวว่ารอจ่อคิวการพิจารณาอยู่ก็ตาม เรื่องนี้จะมองว่าเป็นการเมืองเสียทีเดียวก็อาจใช่ หรือไม่ทั้งหมด เนื่องจากหากเอามาตรฐานขององค์การอนามัยโลกเป็นมาตรวัด ก็ต้องยอมรับเหตุและผลของสหภาพยุโรป ซึ่งต้องภาวนาให้ประเทศต่างๆไม่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง แม้จะมีความเป็นไปได้สูงที่การเมืองจะเข้ามาแทรกแซงเรื่องวัคซีนก็ตาม แต่กระนั้น กรณีดังกล่าวก็ทำให้ประชาชนคนไทยบางส่วน ที่เกิดความวิตกกังวลกับเรื่องยี่ห้อของวัคซีนทางเลือกในประเทศไทย จากที่ก่อนหน้านี้มีความวิตกเรื่องประสิทธิภาพและผลข้างเคียง แม้กระแสดังกล่าวจะเริ่มสร้างซาไปด้วยมีการทำความเข้าใจมากขึ้น และมีข้อมูลของผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนซิโนแวคจำนวนมากแล้วไม่พบผลข้างเคียงที่มีนัยยะสำคัญ กระนั้น การลังเลดังกล่าว อาจไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของโรค อาจส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจไทย ซึ่งไม่อาจรอให้องค์การอนามัยโลกอนุมัติวัคซีนซิโนแวคได้ จำเป็นต้องเดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้มากที่สุดไปก่อน โดยเฉพาะในเข็มแรกนั้นต้องทั่วถึง ดังนั้น ประชาชนที่มีความจำเป็นต้องเดินทางเข้าสหภาพยุโรปนั้น ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดสรรให้ก่อนในภาวะการณ์ปัจจุบัน อนาคตมีการศึกษาและวิจัยออกมายืนยันว่า ฉีดวัคซีนต่างยี่ห้อกันแล้วสามารถได้ผลดีกว่า หรืออาจจำเป็นต้องฉีดถึง 3 โดสหรือไม่อย่างไร ก็เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและว่าไปในอนาคต สถานการณ์ในวันนี้ คือต้องช่วยกันป้องกันตนเอง ไม่ให้ป่วยรุนแรงและเสียชีวิต รวมทั้งปกป้องคนที่เรารักเสียก่อนด้วยการฉีดวัคซีนที่มีอยู่