ยิ่งใกล้วันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร มากเท่าใด ดูเหมือนว่า บรรยากาศการเมืองทั้งในและนอกสภาฯ ยิ่งคึกคักมากเท่านั้น ! โดยเฉพาะในปีกของ "พรรคฝ่ายค้าน" ที่รอให้เวทีสภาฯ เปิดขึ้น การชำแหละรัฐบาล ทั้งในเรื่องการเมืองควบคู่กับการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหารจัดการ แทบทุกทางของรัฐบาลจะเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นธรรม ในบทบาทของ "ฝ่ายนิติบัญญัติ" ทำหน้าที่ตรวจสอบ "ฝ่ายบริหาร" ยิ่งในห้วงเวลานี้ ยิ่งถือว่าเป็นโอกาสทอง ที่ "ฝ่ายค้าน" จะต้องบริหารจัดการเวทีทั้งในและนอกสภาฯ เพื่อช่วงชิงทุกความได้เปรียบ เหนือรัฐบาลที่มี "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งอยู่หัวโต๊ะ ให้ได้มากที่สุด "นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว" ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคแกนนำฝ่ายค้าน ออกมากางแผนการเล่นแล้วว่าจากการประชุมวิป3ฝ่าย ได้ข้อสรุปแล้วว่า การประชุมสภาฯเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.นี้จะใช้เวลาอภิปรายทั้งหมด 47 ชั่วโมง 30 นาที โดยฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านได้อภิปรายฝ่ายละ 22 ชั่วโมง แต่ที่น่าสนใจ นพ.ชลน่าน บอกเลยว่าการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 รอบนี้ เปรียบเหมือน "น้องๆการอภิปรายไม่ไว้วางใจ" เลยทีเดียว ซึ่งแน่นอนว่านี่คือ "โอกาสเปิด" สำหรับ ฝ่ายค้านที่จะได้ใช้เวทีสภาฯ เพื่อชำแหละรัฐบาลทั้งในเรื่องของการจัดสรรเม็ดเงินงบประมาณ ประจำปี 2565 พ่วงไปกับการโจมตีการบริหารจัดการที่ล้มเหลว ผิดพลาดในการรับมือกับไวรัสโควิด -19 จนทำให้ประเทศไทย ต้องถูกไวรัสโควิด โจมตีเป็นระลอกที่ 3 นับตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจนั้น อาจไม่ได้ถูก "จำกัดวง" เอาไว้เฉพาะที่ สังเวียนสภาผู้แทนราษฎร ในวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 เท่านั้น ! เมื่อฝ่ายค้านประเมินแล้วพบว่า เวลานี้รัฐบาลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่แม้จะยังไม่ถึงขั้น "ล้ม" แต่ก็ "ซวนเซ" เต็มที ดังนั้นการเปิดเวที "นอกสภาฯ" เพื่อตีขนาบไปกับ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ในสภาฯ จากบรรดา "กุนซือ" นอกสังเวียน จากแต่ละพรรค จึงเริ่มปรากฎขึ้นอย่างที่เห็น การเคลื่อนไหวของกลุ่มไทยไม่ทน นำหน้าโดย จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.ที่วันนี้มาจับมือกับ บรรดาแนวร่วม เดินสายจี้ให้ "พรรคประชาธิปัตย์ -พรรคภูมิใจไทย" ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อโดดเดี่ยว "พรรคพลังประชารัฐ" ทั้งการที่ "ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล" อดีตขุนคลัง ในรัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วย คณะกลุ่มสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย ไปร้องให้ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งเพิกถอน มติครม. ให้ออกพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ่วงด้วยให้เพิกถอนมติครม. เมื่อวันที่ 7 เม.ย.63 เห็นชอบพ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด เนื่องจากเห็นว่า พ.ร.ก.ให้กู้เงินฉบับดังกล่าว อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังผิดวินัยการเงิน การคลังอีกด้วย เท่ากับว่าเวลานี้ ร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทของรัฐบาล กำลังถูกเบรคหรือไม่ ยังไม่รวมถึงการวางคิว วาง "กูรูเศรษฐกิจ" โดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่เคยเป็น อดีตรัฐมนตรีกระทรวงด้านเศรษฐกิจ เตรียมชำแหละร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 กันที่นอกสภาฯ และที่ขาดไม่ได้ คือการจับตาดูความเคลื่อนไหว จาก "แกนนำคณะก้าวหน้า" ที่มี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" เป็นหัวหอก จะเปิดเวทีไลฟ์สด เขย่ารัฐบาลผ่านโลกโซเชี่ยล ไปพร้อมๆกับ "ลูกพรรคก้าวไกล" กำลังเปิดเกมถล่มรัฐบาลกันในสภาฯ สถานการณ์เช่นนี้ จึงดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล กำลังรับมือกับ ศึกสองทางที่ตีขนาบข้าง ในเวลาเดียวกัน เสมือนช่วยกัน "ขยายแผล" เมื่อรัฐบาลกำลัง "เหนื่อยล้า" เต็มที !