วันนี้ (24 พ.ค.64 ) “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีกำหนดการเข้ารับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ที่สถาบันบำราศนราดูร โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฉีดวัคซีนแอสตราเชเนกา เข็มแรกของประเทศ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ ผู้นำรัฐบาลฉีดวัคซีนสู้โควิด-19 เสร็จเรียบร้อยแล้ว จากนั้น จะเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการเชื่อมสวนสาธารณะเบญจกิติ กับสวนสาธารณะอื่นๆ ในกรุงเทพมหานคร ผ่านระบบ Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า แต่ถึงกระนั้นต้องจับตาดูว่า ประเด็นที่เป็นหลักใหญ่ใจความ คือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 3 นับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กำลังดำเนินไปอย่างยืดเยื้อ และเกิดปัญหาที่ “ทับซ้อน” ขึ้นมา จนกลายเป็นอุปสรรค ต่อการหยุดยั้งการแพร่ระบาด ภายใต้การนำ “ระบบสาธารณสุข” ขึ้นมาเป็น “ตัวนำ” ในการขับเคลื่อน ! ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า การแพร่ระบาดรอบนี้นอกจากจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่มีแรงงานอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก คลัสเตอร์ใหม่ที่ตลาดสด โดยเฉพาะจังหวัดนนทบุรี ซึ่งเป็นปริมณฑลล่าสุดทางจังหวัดได้มีคำสั่งให้ขยายวันปิดตลาดเพิ่มในส่วนที่เป็นตลาดสดเทศบาล และตลาดสดสมบัติ ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ เชื่อมถึงกันออกไปอีก 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังต้องไม่ลืมว่าคลัสเตอร์ในเรือนจำที่ยังมีการตรวจพบนักโทษในเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศนั้น มีการรายงานตัวเลขต่อเนื่องในทุกๆวัน แน่นอนว่าปัญหาต่างๆเหล่านี้ เกิดขึ้นในจังหวะที่รัฐบาลเองพยายามเดินหน้าให้มีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้มากที่สุด และกระจายออกไปให้กว้างขวางที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มหมู่ แต่ดูเหมือนว่าในขณะเดียวกัน รัฐบาลยังเผชิญหน้ากับปัญหาด้านการข่าว ที่ต้องส่ง “แม่ทัพ” ทั้งจาก “ทีมโฆษกรัฐบาล” ทีมยุทธศาสตร์ด้านการสื่อสาร ที่ดึงนักวิชาการจากนิด้า เข้ามาช่วยแล้ว ยังน่าวิตกว่า บรรดา “ทีมแพทย์” ที่ควรต้องรับมือกับศึกไวรัสโควิด เพียงอย่างเดียว ก็กลับต้องการสวมบทบาทลงมาสู้กับบรรดา “เฟกนิวส์” ชนิดรายวัน ทั้งข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวปลอม ไปจนถึงการออกมาตอบโต้กับ “ฝ่ายการเมือง” ที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ที่ฉวยจังหวะที่ ฝ่ายบริหารกำลังเจอศึกหนัก เข้าถล่ม ดึง “การเมือง” เข้ามาพันกับ “ทีมหมอ” อย่างจงใจ ! จะด้วยเพราะ “นักการเมือง” รู้ดีว่า “หมอ” คือ “แม่ทัพหลัก” ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด ปัญหาใหญ่ระดับชาติ แต่ย่อมไม่ได้มีดีเอ็นเอ เหมือนกับนักการเมือง ไม่ทานทนต่อแรงเสียดทานทางการเมือง ต่อสังคมเท่ากับนักการเมือง ยิ่งเมื่อใกล้ถึงวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญ ในช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาวาระหลักๆ คือร่างพ.ร.บ.งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ที่ล่าสุด พรรคเพื่อไทย ออกมาประกาศแล้วว่า จะยกมือ “ไม่รับร่าง” กันตั้งแต่วาระแรกแล้ว ของหวานชิ้นต่อไปสำหรับฝ่ายค้าน และ “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” ยังอยู่ที่ความต้องการ “เขย่า” รัฐบาลด้วย “ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ” แบบไม่ลงมติ เพราะถ้าปล่อยให้ บิ๊กตู่ คลี่คลาย “ศึกโควิด” ได้ลุล่วงแล้ว จะเท่ากับว่าเป็นการเปิดทางให้ รัฐบาล ได้“โกยคะแนน” นำไปล่วงหน้า !