การออกมาฟาดใส่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จาก "ภราดร ปริศนานันทกุล" ส.ส.อ่างทอง และโฆษกพรรคภูมิใจไทย นอกเหนือไปจากการสะท้อนให้เห็นภาพชัดถึงว่าฝ่ายหลัง "ชกข้ามรุ่น" ด้วยความจงใจแล้ว ในเวลาเดียวกันกลับยิ่งทำให้เห็น สภาพความเป็นจริงการดำรงอยู่ร่วมกันระหว่าง "พรรคร่วมรัฐบาล" ว่าหวานอม ขมกลืนกันแค่ไหน ข้อความที่ภราดร ส.ส.อ่างทอง ของพรรคภูมิใจไทย โพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 19 พ.ค.64 ผ่านเฟชบุคส่วนตัว Paradorn Battman แม้ไม่กล่าวชัดว่า "ลุง" ที่พูดถึงคือใคร แต่หลายคนเข้าใจได้ว่า คือพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งเจ้าตัวเองก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าข้อความที่ว่านั้นพูดถึงคนอื่น "หากยังมัวแต่ยึดติดกับ ไอ้ #หมอพ้ง_หมอพร้อม ประชาชนจะติดโควิดกันหมด เข้าใจมั้ยยยย ลุ้งงงงงงง คนเขาบอกยังไม่รู้ฟัง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทิฐิมานะสูง เป้า50ล้านคน หากไม่อยากให้เป็นแค่ลมปาก ลุงหาวิธีอื่นมาอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านเถอะ แทนที่จะช่วยทำให้มันไว คนเข้าถึงง่าย กลับเป็นตัวถ่วง และสร้างกำแพงให้คนเข้าถึงวัคซีนยากกกกกแล้วแบบนี้เป้า50ล้านคนลุงจะเสร็จเมื่อไร??? รึว่าให้คนเขาสร้างภูมิกันเองด้วยการรับเชื้อโควิดกันทั้งประเทศ เห้ออออ" เมื่อลูกพรรคภูมิใจไทย โพสต์ข้อความกระแทกไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ บรรยากาศคุกรุ่นระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับภูมิใจไทย จะเริ่มขยายวงมากขึ้นโดยไม่ทันข้ามวัน ! ล่าสุด "บิ๊กป้อม"พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ตอบคำถามสื่อในกรณีดังกล่าว ด้วยการทิ้งคำถามเอาไว้ว่า "สมควรหรือไม่" " ผมไม่มีความคิดเห็นอะไร แต่ว่าสมควรหรือไม่ คุณก็คิดดูเอาเองแล้วกัน ว่าสมควรไหม เพราะเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล" ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มองว่าเป็นการติเพื่อก่อ รวมทั้งยกตัวอย่างที่ตัวเองยังเคยโดนวิพากษ์วิจารณ์มาแล้ว "ตอนที่ท่านศักดิ์สยาม และผมโดนลูกพรรคท่านยำ ผมยังไม่พูดอะไรสักคำ นี่เป็นเรื่องของ ส.ส. ก็เป็นเรื่องของ ส.ส. เรื่องของพรรคร่วมรัฐบาล เรื่องของหัวหน้าพรรค เรื่องของผู้ใหญ่ เราหนักแน่นเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ผมโดนลูกพรรคพรรคอื่นๆ ไม่เฉพาะ พรรคพลังประชารัฐ ใส่ผม เราก็ต้องหนักแน่น ฟังแล้วก็คิดว่าถ้าเขาพูดจริงเราต้องฟังไหม ไม่ใช่ไปโกรธเสียทุกเรื่อง เราเป็นมนุษย์ เราทำอะไรผิดพลาดก็ฟัง ทำอะไรที่มีคนมาวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถ้าเราฟังแล้วไปต่อยอดให้ดีขึ้นเราก็ทำ ต้องใจกว้างๆ" การอยู่ร่วมกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง พรรคพลังประชารัฐ กับพรรคภูมิใจไทย บ่อยครั้งที่เกิดอาการปีนเกลียว กระทบกระทั่งกันมาตลอด และดูไม่ต่างไปจากการที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่รับคำสั่งจาก "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะออกมาจี้ให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพล.อ.ประยุทธ์ แต่จนแล้วจนรอดจะเห็นได้ว่าความไม่พอใจที่เกิดขึ้นในลักษณะสามเส้า ทั้งพลังประชารัฐ - ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์ วนเวียนกันไปเช่นนี้ ลึกๆแล้วก็คล้ายกับว่า ต่างฝ่ายต่างเล่นเกม "กดดัน"กันเองอยู่ในที ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยข่าวลือ เพื่อสยบความวุ่นวาย ส่งสัญญาณว่าจะดึง "พรรคเพื่อไทย"เข้าร่วมรัฐบาลแทนพรรคใดพรรคหนึ่ง ไม่ประชาธิปัตย์ ก็ภูมิใจไทย หรือการที่ อนุทิน เองเคยถูกกลุ่มหมอไม่ทน ออกมาเคลื่อนไหวล่าชื่อขับไล่พ้นจากเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงหมอมาแล้ว ก็ยังเคยถูกมองว่าเรื่องนี้มีเบื้องลึก เบื้องหลัง ทว่าตราบใดที่ ต่างฝ่าย ต่างประเมินแล้วว่าเมื่อลงเรือเดินทางมาด้วยกันกว่าครึ่งเทอมแล้ว จะทนกล้ำกลืน ฝืนอยู่กันไปจนกว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะยุบสภาฯ แล้วเลือกตั้งใหม่ คือทางออก ที่ดีที่สุด เพียงทางเดียว!