แม้แทบจะเป็นเรื่องปกติ เมื่อวันที่ 22 พฤกษาคมเวียนมาบรรจบ ก็ดูเหมือนว่าอุณหภูมิการเมืองจะอุ่นจนร้อนแรงขึ้น แม้จะเข้าสู่ช่วงฤดูฝนก็ตาม ด้วยห้วงของวันดังกล่าว ตามปฏิทินเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์การเมือง ด้วยครบรอบการยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้จะอยู่ในระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลปัจจุบันมาจากการเลือกตั้ง แต่ด้วยตัวบุคคลที่รั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ยังคงเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตประธานคสช. อีกทั้งในห้วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว นับจากการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 26มีนาคมปีที่ผ่านมาและขยายระบะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นระยะ ก็ทำให้สถานการณ์ประเทศไทยถูกมองว่าไม่แตกต่างนัก ยิ่งการประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมาย 31 ฉบับ เป็นการชั่วคราวเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชน จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2564 เป็นต้นมา ถูกเปรียบเทียบกับการปฏิวัติเงียบหรือการกระชับอำนาจนายกฯ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การระบาดระลอก 3 ที่สถานการณ์รุนแรงกว่าที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อขยับเพดานขึ้นสูงอย่างไม่มีแนวโน้มจะลดลง แม้หลายฝ่ายจะมองว่า เป็นทั้งผลบวก และลบ ต่อรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในมุมบวกคือ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่อาจกระทบต่อการแก้ไขวิกฤติในปัจจุบัน หรือเปลี่ยนม้ากลางศึก ที่อาจส่งผลกระทบต่อองคาพยพต่างๆ ในมุมลบคือ กระแสความไม่พอใจในการบริหารจัดการวิกฤติ ที่ถูกมองว่าปรับตัวช้า จนทำให้เกิดผลกระทบระบบสาธารณสุข และส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ สถานการณ์ครบรอบ 7 ปีรัฐประหาร จึงแตกต่างจากสถานการณ์หลังรัฐประหารใหม่ๆ ในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน แต่กระนั้น แม้จะมีความพยายามเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ขึ้นมาท้าทายรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แม้แต่กลุ่มที่เคยสนับสนุนรัฐบาลก็ออกมาขับไล่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น จะเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้นำพาต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ด้วยใช้โมเดลกับที่เคยรับมือกับกลุ่มคณะราษฎรมาแล้ว คือปล่อยให้เคลื่อนไหวและนำพยานหลักฐานมาจับกุมคุมขังในภายหลัง จึงน่าสนใจว่ากลุ่มต่างๆ นั้นจะมีพลังมากน้อยแค่ไหน ที่สั่นสะเทือนให้รัฐบาลเกิดความสั่นคลอนได้หรือไม่อย่างไร ด้วยอานิสสงส์ของโควิดยังปิดโอกาสระดมม็อบลงถนน 7 ปีรัฐบาล เสียงตะโกนจากฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อาจทำได้เพียงบ่นและแยกย้ายกันกลับบ้าน