ดูเหมือนว่า การออกแอคชั่นของ "สองพี่น้องชินวัตร" รอบนี้ นอกจากจะไม่ถึงขั้นเปรี้ยงปร้างแล้ว "สาร" ที่พยายามจะสื่อ และส่งไปถึง "ศัตรู" ที่ชื่อ "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะไปไม่ถึงแล้ว ยังน่าสนใจว่า ยิ่งทักษิณ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ข้ามประเทศมากเท่าใด กลับไม่ได้ช่วยทำให้ "คะแนน" ของฝ่ายพรรคเพื่อไทย ตีตื้นมาแต่อย่างใด
ค่ำของวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทักษิณ ใช้ชื่อ "โทนี" เข้าร่วมเสวนาในCARE Clubhouse x CARE Talk พร้อมกันนี้ยังมี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" น้องสาว เข้ามาร่วมด้วยในช่วงท้าย กลับไม่ได้สร้างกระแสเท่าใดนัก
จะเป็นเพราะด้วยเวลานี้ ผู้คนมีความสนใจอื่น ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง และที่สำคัญไปกว่านั้นคือสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 มากกว่าเรื่องราวทางการเมือง
และยังต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ โทนี่ ก็เคย "ปล่อยข่าวเท็จ" ผ่านคลับเฮ้าส์ ทำเอารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมาชี้แจงกันจนวุ่นวายมาแล้ว ว่าข้อเท็จจริงแล้ววัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ยังไม่มีการนำเข้ามาในประเทศไทย และไม่มีการสั่งเข้ามาเพื่อใช้กับคนบางกลุ่มบางคนตามที่โทนี พูด
เพียงแต่รัฐบาลสหรัฐฯ ส่งวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาให้กับเจ้าหน้าที่ของสถานฑูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับการแอบสั่งเข้ามา
เมื่อโทนี พูดผ่านคลับเฮ้าส์จบ ก็เงียบหายไป โดยที่ไม่เคยออกมาชี้แจงถึง "ข่าวลือ" ที่ตัวเองเป็นคนจุดประเด็นขึ้นมา จึงเท่ากับเป็นการลดทอนความเชื่อถือของตัวทักษิณ เอง
แน่นอนว่าการออกมาโลดแล่นผ่านโลกโซเชียลของทักษิณ ไม่ว่าจะใช้ชื่อใดก็ตาม กลับไม่ได้รับการ "สนองตอบ" จาก พล.อ.ประยุทธ์ ที่บัดนี้ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลเขาเองเหลือเวลาไม่มากนัก สำหรับการเร่งเดินหน้าแก้ไขวิกฤติโควิด ที่กำลังเข้าโจมตีลากยาวจากการระบาดครั้งที่ 1-2 จนมาถึงระลอกที่ 3 นับตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
นั่นหมายความว่า สถานการณ์ของรัฐบาลนั้นอาจจะเข้าขั้นวิกฤต ไม่ช้าไม่นาน ไม่แตกต่างไปจากสถานการณ์วิกฤตโควิด หากที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล "เอาไม่อยู่" ปล่อยให้การแพร่ระบาดลามไปถึง ระลอกที่ 4 แรงกดดันที่รัฐบาลจะได้รับ อาจจะมากมายมหาศาล เหนือกว่า คำวิพากษ์วิจารณ์จาก ทักษิณ หลายเท่า
การเคลื่อนไหวของทักษิณ ข้ามประเทศ ในระยะหลังๆ น่าสนใจว่าทางหนึ่งคล้ายกับจะสอดรับกับการเคลื่อนไหวจากกลุ่มการเมืองภาคประชาชน ที่ออกมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์
แต่ที่สุดแล้ว เมื่อฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ ประเมินสถานการณ์ บวก ลบ คูณ หารแล้วยังไม่เห็นว่าการลุกออกไปจากเก้าอี้นายกฯ หรือการยุบสภาฯในเร็ววัน จะทำให้เป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว การตัดสินใจดังกล่าวนั้นก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ อยู่ดี !