“จะทำอย่างไรชักจูงให้ประชาชนมาฉีด (วัคซีน)ได้มากขึ้น เพราะหลายคนกลัวอยู่ เพราะมันบิดเบือนกันเยอะแยะไปหมด จำไว้แล้วกันว่าใครบิดเบือน ตนก็ทำอะไรเขาไม่ได้อยู่แล้ว อย่าทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขู่ใครทั้งสิ้นอันตราย มันก็ไม่อยากไปทำร้ายใครซักคน” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ระหว่างตรวจความพร้อมสถานที่ฉีดวัคซีนนอก โรงพยาบาล ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 หลังจากที่รัฐบาลผุดแคมเปญ “ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ” โดยทางสำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกสปอตเชิญชวนคนไทยให้ไปฉีดวัคซีน เป็นคลิปวิดีโอความยาวประมาณ 48 วินาที โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ในช่วงที่เราต้องต่อสู้กับวิกฤตโควิด -19 นี้ ผมขอฝากไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน เมื่อวัคซีนมาถึงท่านแล้วร่วมมือกันไปฉีดวัคซีนกันนะครับ เพื่อตัวท่าน ครอบครัว คนที่ท่านรัก เพื่อสังคมและประเทศไทยของเรา และทุกคนจะได้กลับมามีชีวิตปกติโดยเร็ว ประเทศกลับมาเข้มแข็งและเดินหน้าต่อไปนะครับ” พร้อมติดแฮทแท็ก #ฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ #ประเทศไทยต้องชนะ ไม่เพียงการรณรงค์ให้ประชาชนร่วมมือในการฉีดวัคซีนเท่านั้น แต่ยังมีความเคลื่อนไหวเชิงรุก ในกลไกลของฝ่ายปกครอง ผ่านกระทรวงมหาดไทย โดยจะดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหาและการกระจายวัคซีนแก่ประชาชน เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทย เตรียมใช้ "ลำปางโมเดล" ในการขับเคลื่อนฉีดวัคซีน หลังจากประสบความสำเร็จในการให้คนในท้องถิ่น ทำการจองรับวัคซีน ได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ 2 แสนกว่าคน ซึ่งมียอดอันดับ 2 ของ ประเทศรองจากกรุงเทพมหานครเท่านั้น แต่ที่น่าสนใจก็คือ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ที่ผ่านมาให้ทุกกระทรวงคอยสอดส่องดูแลเรื่องข่าวปลอม หรือเฟคนิวส์ หากพบว่ามีข่าวปลอมให้รีบออกมาชี้แจงและตอบโต้ทันที ตามมาด้วยความเคลื่อนไหวของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมหรือดีอีเอส ดำเนินการฟ้องนักข่าวสำนักข่าวแห่งหนึ่งปั่นกระแสข่าวปลอมสาวอุดรธานีแพ้วัคซีน เอาผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินและพรบ.คอมพิวเตอร์ นับเป็นจังหวะก้าวที่น่าสนใจ ในการลุกขึ้นมาสร้างความเชื่อมั่นเรื่องวัคซีนในหลายมิติ เอาจริงกับการปราบปรามข่าวปลอม ซึ่งแน่นอนว่า หากสามารถปูพรมกระจายฉีดวัคซีนได้ตามแผนหรือใกล้เคียงกับเป้าหมาย ผลข้างเคียงย่อมจะเกิดขึ้นกับรัฐบาล ให้ความเชื่อมั่นกระเตื้องขึ้น