ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงแต่จะพบว่าผู้ติดเชื้อเลยหลักแสนรายไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค.64 ที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงยังปรากฎด้วยว่า "คลัสเตอร์เรือนจำ" กำลังกลายเป็น จุดที่น่าเป็นห่วง และยังเป็นคลัสเตอร์ใหม่ที่รัฐบาลต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด! "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ในสถานการณ์ที่ "นั่งไม่ติด" เมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำ ระหว่างวันที่ 12-16 พ.ค. มีผู้ต้องขังติดเชื้อรวมทั้งหมด 9,783 คนจาก 8 เรือนจำ และนี่ยังเป็นข้อมูลตัวเลขที่ยังไม่นิ่ง ต้องรอการตรวจในเรือนจำอื่นๆอีกหลายแห่ง แน่นอนว่า การรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ก่อนหน้าที่จะเจอกับ "คลัสเตอร์เรือนจำ" นั้นพล.อ.ประยุทธ์ เองก็อยู่ในภาวะเคร่งเครียดเอาการอยู่แล้ว และดูเหมือนว่าเพิ่งจะเริ่ม "ตั้งหลัก" ได้ เมื่อการบริหารจัดการปัญหาและอุปสรรค การส่งตัวผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยเข้ารักษา ให้ทันถึงมือแพทย์ เริ่มคลี่คลาย ประกอบการการฉีดวัคซีนเริ่มกระจายกันมากขึ้น การบริหารจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 เวลานี้ดูเหมือนว่าพล.อ.ประยุทธ์ เองย่อมอาศัยความรู้ ความสามารถจาก "คณะแพทย์" ที่ปรึกษา ที่รายล้อมอยู่รอบตัว คงยังไม่เพียงพอเสียแล้ว หากแต่ผู้นำรัฐบาล ยังจะต้อง "ออกแรง" จี้ไปยัง "รัฐมนตรี" ในทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ต้องรอให้เกิดปัญหา อย่างกรณีการพบคลัสเตอร์ใหม่ ในเรือนจำทั่วประเทศ แต่กระนั้นในวิกฤติ ย่อมมีโอกาสให้พอมองเห็น ! อย่าลืมว่า การขับเคลื่อนงานด้านบริหาร ด้านนโยบายที่ต้องเร่งสปีดให้ทันต่อปัญหายามวิกฤติแล้ว ยังอาจจะกลายเป็นโอกาสที่ "หัวหน้ารัฐบาล" จะใช้เป็น "เครื่องชี้วัด" เช็คผลงานของแต่ละกระทรวงไปได้ในคราวเดียวกัน แน่นอนว่า การที่ "พรรคฝ่ายค้าน" นำหน้าโดย "พรรคเพื่อไทย" ที่ประกาศเตรียมยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ โดยหวังจะใช้ข้อหา "ความผิดพลาด" และล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาโควิดของรัฐบาล มาเป็น "จุดตาย" นั้น ในความเป็นจริงแล้ว ย่อมทำได้เพียงแค่การ "เขย่า" แต่จะไม่ถึงขั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีผลต่อการตัดสินใจ ใดๆทางการเมือง สำหรับตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองตามที่พรรคฝ่ายค้านกำลัง "จับมือ" กับ "คนกันเอง" ที่มาจากแกนนำม็อบพันธมิตรฯ และ คปท. นอกสภาฯ อย่างแน่นอน ในทางตรงกันข้าม "ประโยชน์" ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจใช้จังหวะวิกฤติโควิด และแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ภายใต้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็น "เงื่อนไข" ประกอบการตัดสินใจ "เปลี่ยนตัวผู้เล่น" ใน ครม.เอง ดูจะเป็นประโยชน์มากกว่า อย่าลืมว่า การตัดสินใจ ลาออกของพล.อ.ประยุทธ์ จะไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะเสียงเรียกร้อง ขับไล่จาก "ฝ่ายตรงข้าม" เพราะว่ากันว่า บิ๊กตู่ ยังมีเวลาตัดสินใจที่จะเล่นเกมการเมือง เมื่อเสร็จศึกโควิด อีกพักใหญ่ ๆ ทำไป ทำมา ที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะเลือกใช้ แรงเสียดทานจาก "ฝ่ายค้าน" ที่จะปะทุขึ้นในสภาฯ ปรับเปลี่ยนรัฐมนตรี ในครม. เพื่อเรียกคะแนนคืนก็เป็นไปได้ เมื่อถึงเวลานั้น ต้องจับอาการจาก พรรคฝ่ายค้านในสภาฯให้ดีว่า จะเลือกเปิดเกมซักฟอก พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยประเด็นโควิดเพียงอย่างเดียว หรือจะมีรายการ เขย่า รัฐมนตรีบางรายขึ้นมาผสมโรงกันไป !