วิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่พบอาการปอดอักเสบและการเสียชีวิตที่เร็วขึ้นทำให้มีความวิตกกังวล ประกอบกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนชิดติดกับประเทศไทยเองก็ไม่ปลอดภัย มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ ทั้งสายพันธุ์อินเดีย และแอฟริกาใต้
การลักลอบข้ามแดนเข้ามาทำงานของแรงงานต่างด้าวโดยไม่ผ่านการตรวจโควิด เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้างมาแล้วช่วงปลายปี 2563
ล่าสุดนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มพบการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนในสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างชาติเข้ามาใหม่ เช่น สมุทรสาคร ในส่วนภูมิภาค เช่น เลย นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อเป็นแรงงานที่เดินทางกลับบ้าน ได้กำชับให้ทุกจังหวัดเร่งรัดการค้นหาคัดกรองแรงงานกลับบ้านรวมทั้งผู้ที่เดินทางที่มาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมขอความร่วมมือผู้ประกอบการงดการเคลื่อนย้ายแรงงานป้องกันการแพร่ระบาด
ขณะที่นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด -19 หรือศบค.แถลงว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันที่ 9 พฤษภาคม2564 ในจำนวน2,101 ราย โดยพบใน กทม. และปริมณฑล 1,457 ราย อีก 71 จังหวัดพบ629 ราย ทั้งนี้มาจากระบบเฝ้าระวังใน รพ. 1,674 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 412 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 15 ราย คือ อินเดีย 2 ราย ปาปัวนิวกินี 1 ราย ซูดาน 1 ราย สิงคโปร์ 3 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย เยอรมนี 2 ราย และอีก 5 ราย มาจากเมียนมา 1 ราย มาเลย 2 ราย กัมพูชา 2 รายทั้งหมดเป็นคนไทย ลอบเข้ามาทางพรมแดนธรรมชาติ เป็นเรื่องที่กังวลใจ เพราะมีทั้งมีอาการและไม่มีอาการ ต้องใช้พื้นที่ใกล้เคียง สระแก้วที่ใกล้กับกัมพูชา ปัตตานีใกล้มาเลเซีย และแม่สอดใกล้เมียนมา ที่ต้องขอบคุณประชาชน และเจ้าหน้าที่ที่ช่วยกันจัดการเรื่องนี้
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า จากการเฝ้าระวังคนลักลอบข้ามแดนเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ผิดกฎหมายพบข้ามมาจากฝั่งลาว 4 รายเมียน 15 ราย กัมพูชา 4 ราย มาจากทางใต้ 1 ราย ส่วน ส่วนจำนวนสะสมของเดือนเม.ย. พบลักลอบเข้ามา 32 ราย ติดชายแดน 30 ราย ส่วนยอดรวมคนเข้ามาแล้ว 15,378 ราย มาจากเมียนมา 6,072 ราย ลาว 882 ราย กัมพูชา 5,114 ราย แสดงว่ายังมีปัญหาด้านนี้ตลอดแนวชายแดน นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำฝ่ายมั่นคงต้องทำหน้าที่แข็งขัน แต่ช่องทางธรรมชาติ ถ้าคนไทยตรงนั้นรับทราบข้อมูลฝากแจ้งเบาะแสด้วย ทำให้ฝ่ายมั่นคงทำงานง่ายขึ้น
ก่อนหน้านี้นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลย ท่ามกลางวิกฤติเช่นนี้ คนไทยด้วยกันเองกลับ เปิดประตูบ้าน ลักลอบทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะหวังผลประโยชน์ตอบแทนเป็นตัวเงิน โดยไม่คิดเลยว่ามันจะกระทบกลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำลายสวัสดิภาพและสร้างปัญหาปากท้องของ คนบ้านเดียวกัน ทั้งที่รู้ว่าทุกคนกำลังย่ำแย่เต็มที”
ปัญหาสำคัญ ที่น่ากลัวกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ ธุรกิจนายหน้าค้าแรงงานเถื่อน ที่อาศัยผลประโยชน์ในธุรกิจลักลอบข้ามแดน ที่ผิดกฎหมาย เป็นปัญหาสำคัญที่จะซ้ำเติมสถานการณ์ให้มีความรุนแรงยิ่งขึ้น
หากไม่สามารถอุดช่องโหว่นี้ได้ ประเทศไทยก็ยังไม่ปลอดภัย และต้องเผชิญวิกฤติซ้ำซ้อนระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด