น่าสนใจว่า จังหวะก้าวของรัฐบาล โดย "บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เริ่มปรับโหมดใหม่แม้หลายวันที่ผ่านมา ตัวพล.อ.ประยุทธ์ เองจะอยู่ในที่ตั้ง ณ ทำเนียบรัฐบาลเป็นหลัก โดยประชุมทุกนัดผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเร้นท์ ก็ตาม แต่ล่าสุด ภายหลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ประกาศชู "วัคซีนโควิด-19" ให้เป็น "วาระแห่งชาติ" แล้ว สิ่งที่ตามมาคือการเร่งเคลียร์ "สิ่งกีดขวาง" ทุกๆอย่างที่เคยมี ที่เคยเกิดขึ้น ออกจากรันเวย์ เพื่อให้วาระแห่งชาติ สามารถสัมฤทธิ์ผลได้จริงตามเป้าหมาย การคลี่คลายสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบที่ 3 ที่รัฐบาลต้องเร่งควบคุมให้อยู่นั้น ต้องอาศัยการดำเนินด้วยกันหลายทาง ไปพร้อมๆกัน ทั้งการเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด และมากที่สุดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เพราะที่สุดแล้วหากวิกฤตโควิดคลี่คลายลง จะส่งผลต่อการเดินหน้ามาตรการต่างๆของภาครัฐ ที่ออกมาเพื่อกระตุ้น และเยียวยาเศรษฐกิจตามมา แต่ปัญหาเวลานี้ต้องยอมรับว่ายังมีผู้คนในสังคมอีกจำนวนไม่น้อย ที่ยังคงหวาดกลัวกับการฉีดวัคซีน จนด้วยเพราะมีเฟกนิวส์ และ "นักการเมือง" ด้วยกันเองที่ "ปั่นกระแส" จนทำให้ตัวเลขการเข้ารับวัคซีนในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจหรือไม่ก็ตาม แต่หากรัฐบาลปล่อยให้สถานการณ์ยังเป็นไปเช่นนี้ แน่นอนว่า แม้จะออกแรงเพื่อรณรงค์ เชิญชวนให้คนออกไปฉีดวัคซีนเท่าใดก็คงไม่เป็นผลดีนัก ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10อันดับแรก ๆยังอยู่ในระดับที่น่าวิตก หมายความว่า การเดินหน้าเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ต้อง "ออกแรง" มากกว่าปกติ ไปกับการทำให้ ผู้คนเชื่อมั่นต่อมาตรฐานของวัคซีนที่รัฐบาลสั่งเข้ามาเพื่อฉีดให้กับประชาชนใช่หรือไม่ ? การออกมา "ขยับ" ของรัฐมนตรี จากพรรคพลังประชารัฐ อย่าง "ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ล่าสุดด้วยการประกาศจัดหนัก "ข่าวปลอม" ทั้งประชาชนไปจนถึงสื่อมวลชนเองที่มีการแชร์ข่าวปลอม "รัฐบาลได้ยกระดับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ ตลอดจนหลายภาคส่วนออกมาร่วมรณรงค์ให้ประชาชนฉีดวัคซีน แต่ก็ยังมีขบวนการที่พยายามดิสเครดิต สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคม จึงต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด" แน่นอนว่า ทางหนึ่งคือการใช้กฎหมายเพื่อหยุดยั้งเฟกนิวส์ ลดการแพร่กระจายของข้อมูลข่าวสารอันเป็นเท็จ ทั้งภาพและเนื้อหาไม่ให้กลายเป็น "อุปสรรค" ต่อการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายในการคุมโควิดของรัฐบาล ทว่าในอีกด้านหนึ่ง ปฏิเสธไม่ได้ว่าทั้งตัวรัฐมนตรี และรัฐบาลเองจะต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะจากฝ่ายค้าน และฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ เองจะประเมินมาก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อเขายังไม่สามารถ "โยนผ้ายอมแพ้" ก็ต้องมีแต่ "เดินหน้าลุย" จนกว่าจะเป็นฝ่ายเอาชนะ ควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ในระลอกที่ 3 ให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้น ความเสียหาย ทั้งเศรษฐกิจที่รออยู่เบื้องหน้า จะมีมากมายมหาศาล ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมา จะยุติลงได้ ก็ต่อเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล "เอาอยู่" คุมการแพร่ระบาดเอาไว้ได้ในเดือน พ.ค.นี้ !