รศ. ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 3 ในประเทศไทย พบว่าเมืองฟ้าอมรหรือเมืองในฝันของใครหลายต่อหลายคน “กรุงเทพมหานคร” เป็นคลัสเตอร์หนักสุดสุดหรือใจกลางหลักของการแพร่ระบาด ดังจะเห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงสุดต่อเนื่องตลอดมานับตั้งแต่กลางเดือนเมษายนหรือ หลังสงกรานต์เป็นต้นมา ทำนิวไฮติดเชื้อวันเดียวถึงพันกว่าคน เมื่อ 3 วันที่ผ่าน (8 พ.ค. 2564) และล่าสุดพบผู้ติดเชื้อครบถ้วนทั่วทุกเขตแล้ว... กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย มีคนจากทุกจังหวัดและ ต่างด้าวมารวมตัวกันทำงานไม่ต่ำกว่า 5 ล้านคน (ข้อมูลสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2560) เมื่อสถานการณ์ โควิด-19 ระบาดถึงเข้าขั้นวิกฤติ นายกรัฐมนตรีสั่งให้หน่วยงานราชการ Work From Home เต็มรูปแบบ ซึ่งมีผลตั้งแต่จันทร์ที่ 19 เมษายน เป็นต้นไป และขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือภาคเอกชนให้มีการใช้มาตรการทำงานที่บ้านตั้งแต่หลังสงกรานต์ ทั้งนี้เพื่อลดการสัมผัสในที่ทำงานอันเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 การทำงานที่บ้านของบรรดามนุษย์เงินเดือนนั้น มีการคิดเสียงดัง ๆ ทั้งฝ่ายที่ชอบและ ฝ่ายที่ไม่ชอบ เพราะการทำงานที่บ้านมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งแต่ละฝ่ายจะมีมุมมองหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันไปในหลากหลายประเด็น เช่น ความสำเร็จ ความช้า-เร็ว การประสานงาน/ความร่วมมือ การสื่อสาร แรงบันดาลใจ ความเครียด ความประหยัด การบริหารเวลา การเดินทาง ค่าใช้จ่าย สุขภาพ เป็นต้น เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อเรื่องนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “พฤติกรรมของคนไทยกับการทำงานที่บ้าน (Work From Home)” โดยสำรวจในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ • ในช่วงนี้ท่านทำงานที่บ้าน (WFH) หรือไม่ (ทำ ไม่ทำ ทำทั้งที่บ้านและที่ทำงาน) • ท่านรู้สึกอย่างไรกับการทำงานที่บ้าน (ทำงานไม่สะดวก/บรรยากาศไม่เหมือนกับที่ทำงาน/ไม่เอื้อต่อการทำงาน อุปกรณ์เครื่องมือไม่พร้อม/ไม่สนับสนุนการทำงานเท่าที่ควร ต้องลงทุนเอง/เสียค่าใช้จ่ายมาก เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอุปกรณ์ในการทำงาน บริหารจัดการเวลาได้ยากขึ้น/ทำงานไม่เป็นเวลา บางอาชีพไม่สามารถทำงานที่บ้านได้ คุ้นเคยมากขึ้น/เริ่มปรับตัวกับการทำงานที่บ้าน (WFH) ได้ดีขึ้น เป็นการปฏิบัติตามนโยบายภาครัฐ/ให้ความร่วมมือในการอยู่บ้าน ทำงานสะดวกมากขึ้น/มีความสุข มีเวลาอยู่บ้าน/มีเวลาให้ตัวเองและครอบครัวมากขึ้น รู้สึกปลอดภัย/ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19) • ข้อดีของการทำงานที่บ้าน (กำหนดเวลาทำงานได้เอง/พักตอนไหนก็ได้ ประหยัดค่าเดินทาง มีความสุข/รู้สึกผ่อนคลาย มีเวลาในการทำงานเพิ่มขึ้น ไม่ต้องแต่งตัว/ไม่ต้องซักรีด ไม่ต้องทำงานในสถานการณ์กดดัน/จับผิด ไม่มีใครมารบกวน/ชวนคุย ลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เป็นการปฏิบัติตามนโยบาย ของรัฐ) • ข้อเสียของการทำงานที่บ้าน (อุปกรณ์ เครื่องมือไม่พร้อมเท่ากับที่ทำงาน/ไม่สะดวกเหมือนที่ทำงานมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต การสื่อสารระหว่างการทำงาน/การติดต่อประสานงานช้า ขาดความกระตือรือร้น/รู้สึกขี้เกียจ/ไม่มีสมาธิ ที่ทำงานลดค่าจ้าง/ลดโอที เพราะทำงานที่บ้าน บรรยากาศที่บ้านไม่เอื้อต่อการทำงาน ไม่มีเพื่อน หัวหน้างาน คอยให้คำปรึกษา ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างการทำงานและการพักผ่อน/เครียด หัวหน้าสั่งงานตลอดเวลา/ไม่มีเวลาทำงานที่ชัดเจน) • จากการทำงานที่บ้าน ท่านคิดว่าผลงานที่ออกมาสำเร็จมากน้อยเพียงใด (เต็ม 10 ให้ กี่คะแนน) • ท่านคิดว่าการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ช่วยลดการแพร่เชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ • สำหรับท่านที่ทำงานที่บ้าน (Work From Home) โดยสรุปแล้ว ระหว่างที่ทำงาน กับทำงานที่บ้าน ท่านชอบแบบไหนมากกว่ากัน (ชอบการทำงานที่ทำงานมากกว่า ชอบการทำงานที่บ้านมากกว่า ชอบทั้ง 2 แบบพอ ๆ กัน เฉย ๆ) การทำงานแบบ WFH คุ้มหรือไม่คุ้ม มีประสิทธิภาพทดแทนกันได้มั้ย คงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของ “ยุค New Normal” อย่างแน่นอน ตอนนี้ท่านผู้อ่านคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง? กับ ความปรกติใหม่หรือฐานวิถีชีวิตใหม่ของ “การทำงานที่บ้าน” ที่อาจจะกลายเป็น ‘Next New Normal’ (NNN-3N) เรื่องปกติธรรมดาของ การทำงานภายหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่น่าจะจากเราไปในอีกราว ๆ 3 ปีข้างหน้าครับ !!!