จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิ-19 ระลอกที่ 3 ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อให้เกิดความต้องการวัคซีนป้องกัน ประกอบกับความวิตกกังวลเรื่องประสิทธิภาพ และผลข้างเคียงต่างๆ นำไปสู่การเรียกร้องให้มีวัควีนทางเลือก ที่สุดรัฐบาลได้เร่งเจรจาจัดหาวัคซีนยี่ห้อใหม่เข้ามาเพิ่มเติมทั้งไฟเซอร์ จากสหรัฐอเมริกา และสปุ๊ตนิก วี จากรัสเซีย ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปรับแนวทางการฉีดวัคซีนเข็มแรก หลังการหารืออย่างเข้มข้นกับ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ประชาชนจำนวนมากที่สุด เท่าที่จะทำได้ เนื่องจากทางการแพทย์มีความเห็นไปในทางเดียวกันว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีน แม้แค่เพียงเข็มแรก ก็สามารถช่วยลดโอกาสในการรับเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการ และลดโอกาสในการเสียชีวิตไปได้อย่างมาก ดังนั้น รัฐบาลจึงเร่งเครื่องเดินหน้าให้เร็ว ปูพรมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนจำนวนมากที่สุด โดยตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้ในช่วงประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ประเทศไทยจะมีประชากรผู้ใหญ่ จำนวนครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ ที่จะได้รับวัคซีนเข็มแรกและได้รับการปกป้องจากอันตรายของโควิด-19 แล้ว ในระดับที่มากพอสมควร โดยก่อนหน้านี้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ความเห็นว่า ในช่วง 3 เดือนแรก น่าจะปูพรมการฉีดวัคซีนไปเลย ถ้าฉีดได้เดือนละ 10 ล้านคน ก็สามารถปูพรมไปได้ถึง 30 ล้านคนทีเดียว แล้วหลังจากนั้นก็ตามกระตุ้นรวมทั้งฉีดรายใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ก็จะได้เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และถ้ามีวัคซีนชนิดอื่นมาเสริมด้วยแล้ว จะทำให้การให้วัคซีนกับประชาชนหมู่มากประสบผลสำเร็จเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวดีที่ นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าในประเทศไทย เริ่มต้นจากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เป็นสถานที่ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า ล่าสุดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ ได้ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพตามเกณฑ์ข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ อาทิ องค์ประกอบทางเคมีและความปลอดภัย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ที่สำคัญตัวอย่างวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ผ่านเกณฑ์การตรวจสอบคุณภาพจากห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ของแอสตร้าเซนเนก้าทั้งในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว เตรียมส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชุดแรกให้แก่รัฐบาลไทยเร็ว ๆ นี้ ข่าวดังกล่าว สร้างความมั่นใจให้กับคนไทยอย่างยิ่งขึ้น ว่าจะมีวัควีนที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เราคาดหวังว่า การปรับแนวทางการฉีดวัคซีนของรัฐบาลครั้งนี้ ประกอบกับการมีวัคซีนในปริมาณที่เพียงพอ ฉีดให้กับคนไทยอย่างครอบคลุม รวดเร็ว และสัมฤทธิ์ผล ตามเป้าหมายจะช่วยยุติสถานการณ์การแพร่ระบาดและสามารถขับเคลื่อนกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจได้ตามปกติในเร็ววัน