แอคชั่นที่แสดงผ่านโลกโซเชี่ยล ของ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านคลับเฮ้าส์เมื่อค่ำคืนวันที่ 4 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ในชื่อ “Tony Woodsome” สร้างความฮือฮาไม่น้อย ทั้งด้วยลีลา ความเป็นตัวตนของทักษิณ เองไปจนถึง “ประเด็น” ที่หยิบยกมาสนทนาในคลับเฮ้าส์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องร้อนแรง ไม่มีตกเทรนด์
และที่สำคัญ ดูเหมือนว่า รอบนี้ Tony จะเลือกมาได้ถูกจังหวะไม่น้อย เพราะสถานการณ์ของรัฐบาล เวลานี้คล้ายจะวิกฤติไม่แพ้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรอบที่ 3 ทำเอาบรรยากาศทางการเมืองกลับมาคึกคัก ร้อนระอุชั่วข้ามคืน
ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์กระแส คนย้ายอยากประเทศ ความล่าช้าในการจัดหาวัคซีนของรัฐบาล รวมทั้งการออกมาระบุว่ามีการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ เข้ามาในประเทศไทยแล้วในจำนวนที่ไม่มาก ซึ่งคาดว่านำมาใช้กับคนไม่กี่คน ยังไม่รวมถึงการพุ่งเป้าไปที่ตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเต็มไปด้วยข้อบกพร่อง
และไม่ลืมที่จะยกตัวเองขึ้นมาเปรียบเทียบว่า หากมีอำนาจและได้เข้ามาบริหารประเทศ จะทำอย่างไร และอะไรบ้าง?
แน่นอนว่า เมื่อทักษิณ ปรากฎตัวผ่านโลกโซเชี่ยล แล้วเปิดฉากถล่ม รัฐบาล ด้วยการเลือกโจมตีในจุดที่เปราะบางที่สุด นั่นคือปัญหาการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะการจงใจ “ทิ้งปม” ในเรื่องที่เซ้นซิทีฟว่ามีการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาแล้ว จนทำให้ ภาครัฐ นั่งไม่ติด เนื่องวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์คือสิ่งที่มีประชาชนต่างพากันเรียกร้องให้รัฐบาลนำเข้ามาโดยตลอด
ล่าสุด นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องมาแถลงข่าวยืนยันว่าไม่เป็นความจริง !
“สำหรับการที่มีข่าวกรณีไฟเซอร์ยังไม่มีการนำเข้ามาในไทย ซึ่งกลไกในการนำเข้าคือ 1.บริษัทต้องยื่นเป็นผู้ขอนำเข้า 2.ต้องเป็นผู้ยื่นขอขึ้นทะเบียน และต้องขอในส่วนอย. และที่สำคัญตอนจะนำเข้ามาต้องผ่านด่านอย.ซึ่งได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้วไม่มีในส่วนของวัคซีนไฟเซอร์ที่นำเข้ามา ทั้งได้สอบถามบริษัทของไฟเซอร์ในประเทศไทย ก็ได้ยืนยันยังไม่ได้มายื่นขึ้นทะเบียน และบริษัทมีนโยบายจะขายวัคซีนให้กับภาครัฐเท่านั้น”
ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ทักษิณ ระบุในคลับเฮ้าส์นั้นเป้าหมายใหญ่คือการพุ่งเป้าไปที่การขยายบาดแผลของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสำคัญ เพราะไม่ว่าการนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์เข้ามาในไทยจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ก็ตาม ตัวทักษิณ เองก็ไม่มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ เว้นแต่ได้สร้างความสงสัย ทิ้งปริศนาเอาไว้ให้รัฐบาลต้องตอบเท่านั้น
การออกมาโลดแล่นในโลกโซเชี่ยล ของทักษิณ นอกจากจะจงใจเลือกไทม์มิ่ง ที่รัฐบาลกำลังล้มลุก ด้านหนึ่งคือการพาตัวเองขึ้นมาเป็น “เปรียบมวย” กับพล.อ.ประยุทธ์ ปลุกให้ “แฟนคลับ”ได้หวนคิดถึง และอย่าลืมคนชื่อทักษิณ แม้ในความเป็นจริงแล้ว ทักษิณ จะไม่มีโอกาสได้กลับมาบริหารประเทศอีกแล้วก็ตาม
สังเวียนการต่อสู้ครั้งนี้ ดูจะมีพื้นที่เอาไว้เฉพาะ ทักษิณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” กับ “พรรคพลังประชารัฐ” อย่างเด่นชัด
ความหนักหนาสาหัส ของพล.อ.ประยุทธ์ เวลานี้จึงไม่ใช่แค่การทำความเข้าใจกับผู้คนในประเทศเท่านั้น หากแต่เขาเองยังต้องรับมือกับการเคลื่อนไหวของทักษิณ ที่ส่ง “คลื่นแทรก” ก่อกวนสัญญาณของรัฐบาลอยู่เป็นระยะๆ
แต่ที่น่ากังวลไปมากกว่านั้น คลื่นแทรกที่ส่งตรงมาจากดูไบ จากอดีตนายกฯทักษิณ จากนี้ไป “ทีมกุนซือ”รอบกายพล.อ.ประยุทธ์ ต้องติดตามและประเมินกันชนิดช็อตต่อช็อตด้วยว่า ได้ผลมากน้อยแค่ไหน ?
มีผู้คนทั้งระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับคนชั้นกลางรับคลื่นแทรก จนทำให้สัญญาณของ Tony แรงชัด ยืนระยะยืดเยื้อ จนกลายเป็นแรงกดดันที่ยากจะจัดการ !!