ปฏิบัติการคลี่คลายวิกฤติจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรัฐบาลของ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำลังขยับรุกไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เป็น “ปัญหา” อะไรที่เรียกว่า “อุปสรรค” พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้ “เครื่องมือ” ที่มีอยู่เข้าบริหารจัดการ เพื่อเร่ง “ปิดจุดอ่อน”ให้เร็วที่สุด ! ปัญหาการรับ และส่งต่อสำหรับผู้ติดเชื้อจากบ้านไปตามโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนาม จากที่เคยอยู่ในขั้น “วิกฤติ” เพราะระบบรองรับไม่ทันท่วงที จนปรากฎว่ามีผู้ติดเชื้อต้องเสียชีวิตอยู่ในบ้าน ที่คอนโดมีเนียม โดยที่ไม่ทันได้ถึงมือหมอ ก็พบว่าเสียงตำหนิเริ่มจะบรรเทาเบาบางลง เมื่อการแก้ปัญหาเรื่องบริหารจัดการทุกระบบให้เดินไปข้างหน้า ได้อย่างต่อเนื่อง ภายหลังเมื่อนายกฯ ดึงอำนาจสั่งการมาไว้ในมือเองทั้งหมดแล้วนั้น ด้านหนึ่งเป็นเหมือน “เดิมพัน” สำคัญที่ตัวพล.อ.ประยุทธ์ จะต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดแล้ว ทว่าอีกด้านหนึ่ง กำลังสะท้อนให้เห็นว่า ลึกๆแล้วพล.อ.ประยุทธ์ เองต้องมั่นใจบางสิ่งบางอย่างว่า ที่สุดแล้วเขาเองจะ “คุม” ทุกอย่างได้อย่างเบ็ดเสร็จ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า “แพ้ไม่ได้” ! นอกจากนี้ยังต้องไม่ลืมว่า ภารกิจในการคลี่คลายวิกฤติโควิดที่เกิดการระบาดรอบที่ 3 ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ยังมี “ตัวละคร” ที่สำคัญ โดยเป็น รัฐมนตรีจาก พรรคร่วมรัฐบาล อย่าง “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เจ้ากระทรวงหมอ ซึ่งมีบทบาท ที่เรียกว่ามีทั้ง “บวก” และ “ลบ” สลับกันไปมา ทั้งการได้รับเสียงชื่นชม ไปจนถึงการเกิดการเคลื่อนไหวล่ารายชื่อไล่อนุทิน ให้ออกจากเจ้ากระทรวงหมอ โดย “กลุ่มหมอไม่ทน” อย่างไรก็ดี ลึกๆแล้วการบริหารจัดการนโยบายในยามปกติ ไปจนถึงการใช้แผนการเล่นภาคพิเศษเมื่อเกิดวิกฤติใหญ่ อย่างการแพร่ระบาดไวรัสโควิด รอบ 3 กลับเกิดปัญหา และรอยร้าวระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม้หน้างาน จะมีความพยายามสงบศึกระหว่างพรรค ตั้งแต่ระดับส.ส. -แกนนำพรรค ไปจนถึง “หัวขบวน” ก็ตาม แต่ใช่ว่าลึกๆแล้ว ความบาดหมางจะไม่มีอยู่ หรือปะทุขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะหากรัฐบาล ยังไม่สามารถฝ่าวิกฤติโควิดรอบที่ 3 ครั้งนี้ไปได้ การดึงอำนาจเข้าไปควบคุมเองทั้งหมดในมือพล.อ.ประยุทธ์ นั้นทำให้เกิดข้อกังขา และคำถามขึ้นตามมาว่า เหตุใดคณะทำงานชุดสำคัญ ๆจึงไม่มีชื่อ อนุทิน เจ้ากระทรวงสาธารณสุขนั่งร่วมอยู่ด้วย ในส่วนของ คณะทำงานคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 แม้อนุทิน จะออกมาขอว่าอย่าโยงทุกเรื่องไปเป็นการเมือง เพราะนี่คือการ “แบ่งงาน”กันทำ ไม่ใช่ “แย่งงาน” กันทำก็ตาม และอย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้พล.อ.ประยุทธ์ ก็ถึงกับบ่นในที่ประชุมครม.ทำนองว่าอย่าให้รู้ว่า “ใคร” ที่แอบนินทาตนเองลับหลัง ระวังจะโดน “ยึดโควตา” รัฐมนตรี คืนกลับมา จากนั้นไม่กี่วัน สื่อต่างพุ่งเป้าไปสอบถามอนุทิน ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าโดยส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไรกับนายกฯและไม่เคยพูดถึงลับหลัง ทั้งนี้ดูเหมือนว่า ในระหว่างการบริหารจัดการวิกฤติโควิดรอบที่ 3 รอบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องถือโอกาส บริหารจัดการเรื่องราวทางการเมืองไปด้วยในตัว เพราะที่สุดแล้วเพื่อตอกย้ำให้พรรคร่วมรัฐบาลยังต้องอยู่ต่อไปกับ พรรคพลังประชารัฐ เพราะบิ๊กตู่ พร้อมที่จะใช้ “ยาแรง” ได้ทุกเมื่อ !