ทีมข่าวคิดลึก
เป็นเวลานานเกือบหนึ่งเดือน ที่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ได้หลบหนีไม่ไปฟังคำพิพากษา "คดีจำนำข้าว"ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา และในวันที่ 27 กันยายนนี้ศาลฎีกาฯ ได้นัดอ่านคำพิพากษา จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า จะเกิดอะไรขึ้นตามมาหรือไม่ ?
ณ วันนี้แทบไม่มีใครเชื่อว่า ในวันที่27 กันยายนนี้ ยิ่งลักษณ์ที่หลบเร้นหายไปเกือบหนึ่งเดือนจะตัดสินใจไปปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯ เพื่อฟังคำพิพากษาแต่อย่างใดแม้แต่ "พล.ต.ท. ศานิตย์ มหถาวร"ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เองยังฟันธงว่า ในวันที่ศาลฎีกาฯ นัดอ่านคำพิพากษา27 กันยายนนี้ ยิ่งลักษณ์ไม่มาแน่นอนเพราะฉะนั้นการรับมือกับ "มวลชน" จึงมีมาไม่มากนัก ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่จากพื้นที่อื่น เข้ามาเสริม เหมือนเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า แม้ตลอดช่วงที่ยิ่งลักษณ์ หายตัวออกไปนั้น กลับไม่ได้ให้บรรยากาศทางการเมืองเงียบงันไปด้วยแต่อย่างใด โดยเฉพาะปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนจากฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจและทหาร เพื่อคำตอบให้ได้ว่า " ใคร" พาหนี
งานนี้อย่าได้แปลกใจว่าเหตุใด ฝ่ายความมั่นคง จึงต้องเคลื่อนไหวกันอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" หรือ คสช. โดยเฉพาะ"บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมทั้ง "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.จะยังคงตกเป็น "จำเลยสังคม"ไม่จบไม่สิ้น ถูกตั้งคำถามว่ามีส่วนรู้เห็นเปิดทางให้ยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศไปได้ !
ความคืบหน้าล่าสุดที่มีการจับกุมตัวนายตำรวจ 3 นายที่เกี่ยวข้องในขบวนการพายิ่งลักษณ์หลบหนี เพื่อสอบปากคำ แต่ยังไม่สามารถตั้งข้อหาได้ และมีรายงานว่าหลังจากที่วันที่ 27 กันยายน เมื่อศาลฯ มีคำพิพากษาในคดีจำนำข้าวออกมาแล้ว จะมีการ "ขยายผล" สาวไปถึง "ระดับบิ๊กๆ"ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้กันต่อไป โดยมีจุดสืบค้นจากรถยนต์โตโยต้า รุ่น คัมรี่ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ที่พายิ่งลักษณ์ หลบหนี
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่ฝ่ายรัฐบาลสั่งการไปยังฝ่ายความมั่นคงให้ดำเนินการกลับพบว่า การเคลื่อนไหวจากซีก "ทักษิณชินวัตร" อดีตนายกฯในฐานะ "พี่ชาย" อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ กลับอยู่ในสภาวะที่สงบนิ่ง หากไม่นับการที่ทักษิณ ออกมาทวีตข้อความในวาระครบรอบ 11 ปีรัฐประหาร "19 กันยา 49" แล้ว ต้องถือว่าทั้งยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ต่างเก็บงำอาการได้นิ่งที่สุด !
แต่ถึงกระนั้นย่อมไม่ได้หมายความว่า เมื่อวันนี้ ไม่มียิ่งลักษณ์ อยู่เป็นขวัญกำลังใจให้กับสมาชิกพรรคในประเทศ แล้วจะทำให้ฝ่ายตรงข้าม จะพากันวางใจได้ว่า"พรรคเพื่อไทย" นั้นจะสิ้นฤทธิ์ ไปเสียทีเดียว เพราะจนถึงวันนี้บรรดาพรรคการเมือง และคสช.เองยังไม่สามารถบอกได้ว่า"ไพ่ใบสุดท้าย" ที่พรรคเพื่อไทยจะทิ้งลงมาในฐานะ "หัวหน้าพรรค" หรือ การส่งชื่อเข้าชิง "ว่าที่นายกฯ" 3 รายชื่อนั้นคือใคร
หรือการที่มีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเข้าสู่โหมด "ขาลง" โอกาสที่ "กลุ่มการเมือง" จะพากันถอนสมอ มองหาทางหนีทีไล่ ก็ดูจะเป็นไปได้สูง แต่ทำไปทำมาผลการสำรวจของโพลสำนักต่างๆ กลับออกมาว่าพรรคเพื่อไทย ยังเป็น "หุ้นการเมือง" ที่น่าจับตา ไม่ใช่หุ้นเน่า แต่อย่างใดทำไปทำมา อาจกลายเป็นดี ที่วันนี้พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงส่วนที่ยังหลงเหลือเหนียวแน่นกับ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณอาจรบด้วยความสบายอกสบายใจมากกว่าที่ผ่านมา หลายเท่า เพราะเป็นการรบที่ฝั่งตรงข้ามแทบจับทิศจับทาง คาดเดาได้ยาก
และที่สำคัญ ยังหาทาง "ถล่ม" ตัวแม่ทัพเพื่อไทย "นอมินีคนใหม่" ของทักษิณไม่เจออยู่ดีไม่ว่าชื่อชั้นระดับ "บิ๊ก" ในพรรคเพื่อไทย หรือคนนอกที่ถูกโยนลงมานั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นวาระของการหยั่งเชิงกันทั้งสิ้น !